6.676K
VISITORS
189

ABOUT ME

ABOUT ME

FOLLOWING
You are not following any writers yet.
More

STORY BY ฝากรักไว้ที่ปลายฟ้า

ไม่เคยคิดจะตัดใจ

ไม่เคยคิดจะตัดใจ

Reads

"ทำไม? กลัวจะตกหลุมรักพี่อีกรอบงั้นเหรอ?"ราเชลส่งเสียงร้องเหอะออกมา"มันใกล้จะหมดเวลาพักแล้วค่ะผู้จัดการมิน ราเชลไม่สามารถพักได้ทั้งวันแบบท่านหรอกนะคะ"เขาเลิกคิ้วมองหน้าเธอ"ผู้จัดการดาครับ ช่วยลางานให้ราเชลสักครึ่งวันด้วยนะครับ บอกไปว่าผมให้เธอมาทำงานให้ชั่วคราว..หรือบางทีอาจจะมีค้างคืน"มือของเธอกำแน่น แต่ถึงจะโกรธแค้นมากแค่ไหนเธอก็ยังคงส่งยิ้มให้เขาอยู่ นี่มันไม่สมเป็นตัวเธอเลยราเชล จะไปมัวจมปลักอยู่กับความรักอะไรนั่นทำไมล่ะ เธอจะมองเขาเหมือนกับผู้ชายทุกคนที่ผ่านมาให้ได้เลยราเชลยกมือขึ้นมาไล้ไปตามจมูกที่โด่งเป็นสันของเขา เธอเอียงหน้าเล็กน้อยแล้วยกมือขึ้นมาเท้าคาง พร้อมกับปรายตามองหน้าเขาด้วยสายตาที่แสนเย้ายวน"พี่คะ ราเชลกำลังทำงานอยู่และหากว่าพี่ต้องการทำเรื่องอย่างอื่นที่นอกเหนือจากทำงาน พี่ก็ช่วยหาคนอื่นทำเถอะนะคะ เพราะของที่เคยกินแล้วราเชลจะไม่กลับไปกินอีกเพราะราเชลรู้ว่ามันไม่ได้อร่อยแถมยังรสชาติห่วยอีกต่างหาก.."มินจูงหัวเราะ สีหน้าของเขายังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงถึงแม้ว่าเธอจะกล่าวออกมาเช่นนั้นก็ตาม"ราเชล ในบางทีหนูอาจจะลืมก็ได้นะ เพราะว่ามันนานมากแล้วที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเป็นการส่วนตัวและ..ความทรงจำบางอย่างของหนูมันอาจจะคลาดเคลื่อนเพราะว่าพี่จำได้ดีว่าตอนที่เราอยู่ด้วยกัน.."เขาก้มหน้าลงไปกระซิบข้างหูของเธออย่างแผ่วเบา"หนูร้องครางออกมาดังแค่ไหนตอนที่นอนอยู่ใต้ร่างพี่..เห็นทีว่าจะต้องย้ำเตือนความทรงจำกันสักหน่อยแล้ว"

Updated at

Read Preview
วายร้ายผู้นั้น พยายามจับฉันแต่งงานล่ะ

วายร้ายผู้นั้น พยายามจับฉันแต่งงานล่ะ

Reads

“กฎของจักรวรรดิอีเทนข้อที่หนึ่ง เรื่องการทำการค้าและการเป็นเจ้าของกิจการ สตรีไม่สามารถเป็นเจ้าของกิจการได้ เป็นได้เพียงลูกจ้างในร้านเท่านั้น...” เสียงโห่ร้องดังขึ้นมาพร้อมๆ กับเสียงหัวเราะของเหล่าบุรุษที่กำลังยืนมองข้าหลวงประกาศราชโองการ “ข้อที่สองสตรีต้องเสียภาษีมากกว่าบุรุษสองเท่า..” “สตรีไม่สามารถทำการค้าได้ จะต้องทำงานที่อยู่หลังร้านหรือไม่ก็ในครัว..” “สตรีไม่สามารถนำของในฟาร์มหรือว่าในไร่ของตัวเองมาขายได้ จะต้องมีบุรุษซึ่งทำหน้าที่เป็นพ่อค้าคนกลางไปซื้อมาจากหน้าไร่และมาขายในเมือง..” “สตรีหากมีสามีแล้ว ห้ามออกมาสังสรรค์หรือเข้ามาในสังคมหากว่าสามีไม่ยินยอม” “สตรีหากมีบุตรแล้วควรเลี้ยงดูบุตรให้ดี..” “สตรีที่ออกมานอกบ้านในยามวิกาลให้ถือว่าพวกนางคือนางระบำหรือว่าโสเภณี” “สตรีห้าม..” ฉันยืนมองข้าหลวงอ่านราชโองการที่ประกาศออกมาจากองค์จักรพรรดิ ด้วยสายตาแห่งความสิ้นหวัง คราแรกที่ฉันลืมตาขึ้นมาที่นี่ ฉันก็รู้ได้ในทันทีว่าฉันจะต้องทะลุมิติเข้ามาในนิยายสักเรื่อง ทว่าปกติแล้วจะต้องทะลุไปเป็นนางเอก หรือไม่ก็ตัวร้ายรวยๆ สิโว้ย นี่ฉันเป็นสาวชาวบ้านที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากใบหน้าที่นับว่าพอใช้ได้ ฉันไม่มีเงิน แถมบ้านก็เก่าและหลังเล็กมากพอสมควร อย่าพูดถึงเวลาในการตามหาความรักเลย แค่จะเอาเวลาไปกินข้าวยังแทบไม่มี เพราะว่าที่นี่คือโลกของนิยายที่จบแล้ว แถมตอนจบพระเอกและนางเอกดันตาย.. ผู้ที่มีชีวิตรอดคือตัวร้ายที่มีอำนาจมากกว่าองค์จักรพรรดิซะอีก! ตระกูลโอนิกซ์นั้นยิ่งใหญ่และทรงอำนาจมากกว่าองค์จักรพรรดิ เพราะอย่างนั้นราชโองการข่มเหงรังแกสตรีเช่นนี้ไม่ได้มาจากความต้องการขององค์จักรพรรดิหรอก แต่มันมาจากคำสั่งของท่านเคาน์อย่างแน่นอน เพราะผิดหวังในความรักก็เลยไม่ชอบสตรีสินะ แต่สตรีอื่นไม่ได้ผิดสักหน่อย อีกอย่างนายตัวร้าย นายไปชอบผู้หญิงมีเจ้าของก่อนโว้ย!! พอเขาไม่รักกลับมาโทษเขา แต่แกไม่ได้ดูเลยไงว่านางเอกของเรื่องเขารักพระเอกมาตั้งนานแล้ว ความซวยเลยมาตกอยู่ที่ประชาชนคนตาดำๆ อย่างพวกเรา ยิ่งเป็นสตรีด้วยแล้ว ไม่ต้องได้ผุดได้เกิด ลำบากตรากตรำหาเงินมาก็ต้องจ่ายภาษีที่มากว่าค่าแรงรายวัน ไม่ต้องทำงานแล้วอดตายไปเลยดีไหม เผื่อตายไปแล้วจะได้เกิดใหม่เป็นนางเอกเรื่องอื่น.. “เพี๊ยะ!!” จิตใต้สำนึกกำลังตบหน้าฉันอย่างแรง ใช่แล้ว..ฉันไม่ควรคิดแบบนั้น ไม่ว่าจะเกิดมาเป็นอะไรก็ตามฉันจะเอาชนะในทุกอุปสรรคให้ได้! และอย่างแรกที่ฉันจะทำคือการ..รวบรวมกำลังของชาวบ้านเพื่อประท้วง นี่คือวิธีที่สาธารณะชนเขาทำกัน เป็นการหาทางออกอย่างสันติเพราะในเมื่อเราไม่ชื่นชอบการทำงานของรัฐบาลก็จะต้องประท้วงสิ “ฟาเดล เจ้ามั่นใจว่าทางพระราชวังจะรับฟังเสียงของประชาชนอย่างเราๆ” “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพียงแต่เราไม่ควรจะก้มหน้ายอมรับกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมกับสตรีสิ! เราทุกคนควรจะเท่าเทียมกัน เป็นบุรุษแล้วอย่างไร มีอภิสิทธิ์อะไรมาทำตัวเหนือกว่า เราทุกคนคือคนที่เท่าเทียมกัน” “ปัง!!” เสียงปืนดังขึ้นมาพร้อมๆ กับเสียงกรีดร้องเมื่อผู้คนที่อยู่แถวหน้าล้มลงจากการถูกยิง ฟาเดลเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นางแหงนหน้าขึ้นไปมองยังกำแพงที่สูงชันของพระราชวัง องค์จักรพรรดิทรงไม่เสด็จมาทอดพระเนตรถึงความเจ็บปวดของประชาชนทุกคนในจักรวรรดิของพระองค์ด้วยซ้ำ เพราะชายที่ยืนสั่งการทหารอยู่มันคือท่านเคาน์โอนิกซ์! โอเค..เลิกหวังได้เลย เพราะไม่ว่าจะประท้วงหรือทำยังไงองค์จักรพรรดิหุ่นเชิดผู้นั้นก็ไม่มีทางแยแสประชาชนหรอก “ทุกคน แยกย้ายกันหนีไปก่อน เขาไม่ฟังเสียงเล็กๆ ของพวกเราหรอก..” ผู้คนที่มาประท้วงต่างมีท่าทางสิ้นหวังไปตามๆ กัน หลังจากสิ้นเสียงของฟาเดล ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านของตัวเอง การประท้วงเล็กๆ จึงสิ้นสุดเพียงเท่านั้น “ไปตามหามา..ว่าแกนนำการประท้วงในครั้งนี้คือใคร” เซอร์ลูอิสก้มหน้าลงเพื่อรับคำสั่งของนายท่าน “จะให้ข้าจัดการมันผู้นั้นเลยหรือไม่ครับนายท่าน” คิลเลียนยกมือขึ้นมาเพื่อเป็นการห้ามปราม “ยัง พาคนผู้นั้นมาหาข้า ข้าจะจัดการมันด้วยตัวเอง” คิลเลียน โอนิกซ์ เคาน์คนที่ห้าแห่งตระกูลมหาอำนาจที่มีประวัติอันยาวนานมาหลายชั่วอายุคน เขาเคยมอบความรักหมดดวงใจให้แก่สตรีผู้หนึ่ง ทว่านางกลับไม่เห็นค่า อีกทั้งยังทำร้ายจิตใจของเขา นางเลือกบารอนต่ำต้อยแทนที่จะเป็นท่านเคาน์ผู้ทรงอำนาจอย่างเขา สตรีทุกคน..โง่งมพอกัน เพราะอย่างนั้นไม่ว่าสตรีหน้าไหนก็ตามพวกนางจะต้องทนอยู่ภายใต้การกดขี่ของบุรุษไปตลอดถึงจะดี พวกนางไม่ควรมีโอกาสเลือกใช้ชีวิตด้วยซ้ำ! “สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างเคาน์โอนิกซ์” คิลเลียนเบนสายตามองหน้าของชายชราซึ่งอยู่ในชุดที่ถักทอด้วยด้ายสีทอง องค์จักรพรรดิวิชเชอร์แห่งราชวงศ์เฮกเตอร์ ราชวงศ์ที่พ่อของเขาสถาปนาขึ้นมา องค์จักรพรรดิที่มีสายเลือดของดวงอาทิตย์อยู่เล็กน้อย ที่ได้ขึ้นมาเป็นองค์จักรพรรดิเพราะว่าพ่อของเขาไม่ต้องการออกหน้าเองในยามที่สั่งการใดๆ ราชวงศ์เป็นเพียงหุ่นเชิดของโอนิกซ์เท่านั้น “ปกติดีพ่ะย่ะค่ะ ไม่มีอันใดต้องเป็นห่วง” “เช่นนั้นก็ดีแล้ว ดียิ่งแล้ว” ชายชราหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินจากไป เขาเหลือบมองเคาน์โอนิกซ์ด้วยหางตาและเมื่อองค์จักรพรรดิหันหลังเดินจากไปรอยยิ้มของพระองค์ก็ค่อยๆ จางหายไปจากใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น “คราวนี้เขาถึงกับสั่งทหารยิงสตรีที่มาประท้วง..ให้ตายเถอะประชาชนพวกนั้นไม่ได้ทำอะไรผิดเลยพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ” “ใจเย็นๆ ไอเดน เรื่องนี้เราจะต้องวางแผนให้รัดกุม การแย่งชิงอำนาจของราชวงศ์กลับคืนมาไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งเราไม่มีโอกาสที่สองเป็นแน่หากเคาน์โอนิกซ์ล่วงรู้ว่าเราจะหักหลังเขา” องค์รัชทายาทไอเดนขบเม้มริมฝีปากด้วยความเจ็บปวด “ลูกจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องประชาชนทุกคนของอีเทน จากเรื่องราวเลวร้ายที่เคาน์โอนิกซ์ก่อขึ้นมา..” องค์จักรพรรดิส่งยิ้มให้กับองค์รัชทายาทที่เขาเลี้ยงมากับมือ ลูกชายที่เป็นดั่งแสงของดวงตะวันในชีวิตที่แสนโศกเศร้าของเขา หากเลือกได้เขาก็ไม่อยากจะเป็นองค์จักรพรรดิหุ่นเชิดเหมือนกัน เพียงแต่ตัวเขาในยามนั้นมิได้มีทางเลือกนะสิ ........

Updated at

Read Preview
หากว่าเจ้าต้องการ ข้าเป็นพระเอกให้ก็ได้นะ

หากว่าเจ้าต้องการ ข้าเป็นพระเอกให้ก็ได้นะ

Reads

"ข้าไม่คิดเอาตัวเองไปเป็นของเล่นชิ้นใหม่ของใครหรอกนะ โดยเฉพาะบุรุษที่มากรักเฉกเช่นอาร์ชดยุคแห่งโรแกน" น้ำเสียงของแคลร์นั้นเต็มไปด้วยความแน่วแน่ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับแค่นหัวเราะออกมา "เจ้าไม่ใช่ของเล่นสักหน่อยแคลร์ แต่เจ้าคือของข้าต่างหาก!" แมดเดนกล่าวพร้อมกับจุมพิตลงที่หลังฝ่ามือของเธอเบาๆ

Updated at

Read Preview
ฉันจะไม่เห็นแก่เงินอีกแล้วค่ะ

ฉันจะไม่เห็นแก่เงินอีกแล้วค่ะ

Reads

“นี่เจน งานเลี้ยงคืนนี้เจ้าจะเข้าร่วมด้วยรึเปล่า?” คำถามนั้นเอ่ยถามออกมาด้วยดวงตาที่เป็นประกายของแอนเจลิก้าเพื่อนคนสนิทของฉัน และคำถามนั้นมันสามารถตอบได้ง่ายๆ เลยว่า “ไม่ล่ะแอน ข้าไม่ได้ว่างขนาดที่จะไปงานเลี้ยงของชนชั้นสูงอะไรพวกนั้น อีกอย่างคืนนี้ข้าจะต้องปักผ้าลูกไม้และชุดเดรสของท่านเคาน์เตสที่เป็นงานเร่งด่วนอีกต่างหาก” แอนเจลิก้าหน้ามุ่ยในทันทีที่เธอได้รับคำตอบที่ไม่น่าพึงพอใจสักเท่าไหร่ของเจนนีส เราคือเพื่อนสนิทกันและเจนนีสก็งดงามมากๆ ในสายตาของแอนเจลิก้า อีกอย่างเราทั้งคู่ก็อายุยี่สิบปีแล้ว เรามีเวลาอีกราวสองปีในการหาสามีหรือว่าคนรักสำหรับการแต่งงาน แต่เพราะว่าเจนนีสเอาแต่หาเงิน..ทำให้เธอและเจนนีสไม่ได้ออกงานด้วยกันสักเท่าไหร่นัก “เจน หากว่าเจ้าเดือดร้อนเรื่องเงินเช่นนั้น..ยืมข้าไปก่อนดีไหม” เจนนีสมองหน้าของแอนเจลิก้า เธอรู้ดีว่าแอนนั้นหวังดีและเป็นห่วงเธอมากๆ แต่ทว่าเธอยืมเงินของเพื่อนมาไม่ได้หรอก! เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีใช้คืน เจนนีสคือลูกสาวคนโตของตระกูลแอชรีย์..ตระกูลเคาน์ผู้เก่าแก่ ที่ครั้งหนึ่งเราเคยมีเงินทองมากมายจนเธอได้ใช้ชีวิตอย่างดีเลิศในฐานะของคุณหนูแอชรีย์ ทว่าวันที่ท่านแม่หนีไป เรื่องราวมันก็เริ่มแย่ลงเพราะว่าท่านพ่อใช้ชีวิตอยู่เหมือนกับคนใจสลาย และเธอก็เข้ามาอยู่ในร่างของเจนนีสในวัยสิบสองที่บัดซบสุดๆ ไปเลย ท่านพ่อพาแม่เลี้ยงเข้ามาในบ้าน พร้อมกับลูกสาวที่แสนนางรักของแม่เลี้ยง นั่นก็คือนางเอกของเรื่องนี้ ลิเวีย แอชรีย์ น้องสาวต่างแม่ของเธอ ตามเนื้อเรื่องบรรยากาศภายในบ้านของแอชรีย์ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่ เพราะว่าทั้งแม่เลี้ยงและน้องสาวค่อนข้างเคารพเจนนีสมากๆ ส่วนพ่อของเธอ..เขาคือตัวภาระที่นอกจากจะติดสุราอย่างหนักก็ยังเอาเงินไปลงกับการพนันจนหมด คฤหาสน์ที่แสนหรูหรามีเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น เราไม่มีเงินจ้างคนใช้ หรือว่าคนสวน งานในบ้านมีเพียงแค่แม่เลี้ยงและน้องสาวของเธอเท่านั้นที่ทำ ส่วนเธอมีหน้าที่หาเงิน.. เด็กสาวที่จะต้องขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวตั้งแต่อายุสิบสี่ปี แน่นอนว่าเจนนีสทำงานทุกอย่างที่ได้เงิน ตั้งแต่รับจ้างล้างจาน รับสอนหนังสือ และตอนนี้ดูเหมือนชีวิตของเธอจะดีขึ้นมาหน่อยเพราะว่าเธอได้เอาความสามารถเรื่องการตัดชุดจากชาติที่แล้วมาประยุคใช้.. ชาติที่แล้วเธอเป็นแม่บ้านที่ไม่ได้ทำงาน หน้าที่ของเธอคือการดูแลลูกสาวทั้งสองคนและทำความสะอาดบ้าน เป็นแม่บ้านที่รอสามีกลับมาจากทำงาน..วันไหนที่เขากดดันกับการทำงานเขาก็จะอารมณ์ไม่ดีจนพาลโกรธเธอและลูกสาว เพราะแบบนั้นเธอถึงป่วย งานบ้านและการเลี้ยงลูกไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่ที่ลำบากใจคือความกดดันจากสามี เธอตายเพราะโรคร้าย..และจากมาอย่างหมดห่วงโดยการฝากลูกสาวทั้งสองเอาไว้กับแม่ของตัวเอง เธอทำประกันชีวิตเอาไว้เยอะพอสมควรก็เลยมีเงินจำนวนหนึ่งเอาไว้ให้ทั้งแม่และลูกสาว ส่วนสามี..เราอยู่ด้วยกันทุกวัน นอนข้างกันทุกคืนแต่ไม่รู้เหมือนกันว่าความรักของเรามันหมดลงวันไหน เมื่อไหร่ไม่รู้ที่การอยู่ด้วยกันกับเขามันคือความกดดันที่ไร้ทางออก เขามักจะดุด่าเธอและลูกอยู่เสมอว่าพวกเราคือภาระ แต่พอเธอจะออกไปทำงานเขากลับบอกการจ้างคนอื่นเลี้ยงลูกมันแพงเกินไป.. สำหรับเธอแล้ว ความรักมันดีแค่ตอนแรกเท่านั้นเอง..และเพราะว่าเธอมีลูกสาว เธอจึงเริ่มเรียนตัดเสื้อผ้า เพื่อให้ลูกสาวทั้งสองได้สวมใส่ ตัดไปตัดมาก็เลยถนัดและพอทำขายได้บ้างในชาติที่แล้ว แต่ชาตินี้ในตอนที่เธอลืมตาขึ้นมาแล้วพบเจอแม่เลี้ยงที่กำลังนั่งร้องไห้และน้องสาวที่จับมือเธอเอาไว้แน่น มันทำให้เธอไม่ได้รู้สึกกดดันเลยสักนิดที่ตัวเองจะต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว เพราะพวกเขาคือคนในครอบครัวต่างหากไม่ใช่ภาระ คนที่เป็นภาระจริงๆ คือพ่อของเธอ “ข้ายังไม่ได้บอกอย่างนั้นหรือว่าในงานนี้จะต้องมีผู้ติดตามด้วยถึงจะเข้าไปได้ และ..ข้าว่าจ้างเจ้าไปเป็นผู้ติดตามของข้าได้ไหม..” แอนเจลิก้ากะพริบตาถี่ๆ เพื่อมองหน้าของเจนนีส นางรู้ดีว่าถึงแม้ภายนอกเจนนีสจะดูเหมือนกับว่านางเป็นคนเข้าถึงยากแต่จริงๆ แล้วเพื่อนของเธอใจดีและเห็นใจคนอื่นๆ มากๆ ไม่มีใครที่ไหนที่จะทำใจยอมรับแม่เลี้ยงและน้องสาวนอกสมรสของพ่อตัวเองได้หรอก มีแค่เจนนีสคนเดียวนี่แหละ “แอน..เจ้ากำลังทำให้ข้าลำบากใจ” แอนหัวเราะเสียงใส “ไม่ลำบากใจหรอกเพราะว่าข้ามั่นใจว่าเจ้าจะต้องไปร่วมงานกับข้า เจน..ข้าอยากให้เจ้าออกมาจากที่นั่นนะ พาแม่เลี้ยงและน้องสาวของเจ้าไปหาเช่าบ้านอยู่สักหลังเป็นไง ข้าพึ่งได้รับกรรมสิทธิ์ที่ดินจากท่านพ่อมา เป็นบ้านเล็กๆ หนึ่งหลังที่อยู่ใจกลางเมืองเลยนะ และเรื่องเงินข้ามีเยอะมากแล้ว เพราะอย่างนั้นข้าจะรับค่าเช่าเป็นชุดเดรสที่ทำจากมือของเจ้าสามชุดต่อเดือนเป็นไง?” ในชีวิตที่มืดมนของเจนนีส คงจะมีแอนเจลิก้าที่เป็นแสงสว่างเพียงอย่างเดียวของเธอเลยล่ะ “เจ้าไม่ได้ใช้ชีวิตเป็นชนชั้นสูงอยู่แล้วเพราะอย่างนั้นปล่อยมือออกจากแอชรีย์เถอะนะ ให้งานนี้เป็นงานสุดท้ายที่เจ้าจะออกงานในฐานะเลดี้แอชรีย์..” ที่จริงเธอคิดเรื่องนี้มานานพอสมควร เป็นชนชั้นสูงแล้วอย่างไรกัน เพราะว่าเธอไม่ได้ใช้ชีวิตในฐานะเลดี้เลยสักนิด “ตกลงแอน ข้าจะไปงานเลี้ยงกับเจ้าในคืนนี้ พร้อมกับ..ส่งชุดเดรสที่ทำสุดฝีมือไปให้เจ้าเดือนละสามชุด” “เช่นนั้นคืนนี้ไปเจอกันที่ทะเลสาบตอนหนึ่งทุ่ม ข้าจะให้คนขับรถม้าไปรับเจ้า” เจนนีสพยักหน้าก่อนที่เธอจะหอบข้าวของกลับมาที่บ้าน เธอเช่าร้านตัดชุดที่ในเมืองเอาไว้ และใช้เวลาส่วนใหญ่ที่นั่นเพราะกลับไปที่บ้านแม่เลี้ยงและลิเวียจะต้องมาช่วยงานเธอ ซึ่งเจนนีสคิดว่าการที่ทั้งสองคนทำงานในคฤหาสน์ที่ใหญ่โตเช่นนั้น ก็น่าจะเหนื่อยมากพอแล้ว เธอจึงไม่เคยเอางานกลับไปทำที่บ้านเลยเพราะต้องการให้ทั้งสองคนได้พัก เจนนีสเดินเข้าไปในบ้านของตัวเองผ่านทางประตูด้านหลัง เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อพบว่าหน้าบ้านของเธอมีรถม้าที่จอดเทียบอยู่ด้านหน้า บ้านที่ไม่เคยมีแขกมาเพราะว่าแอชรีย์มีแค่เปลือกนอกเท่านั้น การจะมีคนมาที่นี่ มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นคือพ่อของเธอจะต้องสร้างเรื่องอะไรเอาไว้อีกเป็นแน่ เจนนิสปรา

Updated at

Read Preview
เทพบุปผาปรารถนาจะเป็นภรรยาท่านจอมมาร

เทพบุปผาปรารถนาจะเป็นภรรยาท่านจอมมาร

Reads

“หน้าที่ของเจ้าคือต้องตั้งครรภ์ลูกของจอมมาร! อย่าเสียใจไปเลยไป๋เฉียน นี่คือหน้าที่ของเจ้า ที่ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องทำตาม” ฝ่ามือเรียวยาวยกมือมาเช็ดหยาดน้ำตาที่สุกใสราวกับไข่มุกซึ่งกำลังไหลรินลงมาจากดวงตาคู่สวยของเทพบุปผานามว่าไป๋เฉียน ในใจเจ็บปวดราวเข็มนับพันพุ่งแทงเข้ามาในร่าง บนสรวงสวรรค์มีเทพและเทพีมากมายเหตุใดต้องเป็นนางที่มีคนรักอยู่แล้ว “ท่านเทพม่อเกวียน ข้ามิได้อยากฝ่าฝืนบัญชาเพียงแต่ข้าอยากจะร้องขอ ทั่วทั้งแดนสวรรค์นี้ต่างก็รับรู้ว่าข้าและเทพสงครามอันฉีรักกัน แล้วเหตุใดถึงยังมีคำสั่งเช่นนี้ออกมาอีก ท่านจะให้ข้าทำใจรับเรื่องนี้ได้อย่างไร..” ไป๋เฉียนคุกเข่าลงเพื่อวิงวอนต่อท่านเทพม่อเกวียน จะอย่างไรนางก็มิอาจไปที่ดินแดนเผ่ามารได้ หากมิได้ครองคู่รักกับท่านเทพสงครามอันฉี นางยอมกระโดดลงแท่นประหารเซียนแล้วตายตกไปเสียยังจะดีกว่า “ข้าจะไปแทนพี่ใหญ่เอง!” หากจะเปรียบความงามของไป๋เฉียนว่างดงามล่มบ้านล่มเมือง ก็คงจะต้องเปรียบเปรยความงดงามของไป๋หมิงหลันว่างดงามเจิดจ้าราวกับแสงของดวงตะวัน ดอกโบตั๋นที่ชูคออวดโฉมอยู่ในสระว่างามล้ำเลิศและวิจิตรแล้ว ยังมิสามารถเทียบเคียงใบหน้าของไป๋หมิงหลันได้เลย สองพี่น้องเทพบุปผาล้วนแล้วแต่งดงามหมดจด เป็นที่หมายปองของเหล่าทวยเทพบนสรวงสวรรค์ ทว่าพี่สาวมีสัญญาใจกับเทพสงครามอันฉีแล้ว จึงทำให้ความนิยมลดน้อยถอยลงไปบ้าง เทพบุปผาคนน้องหมิงหลันนั้นยังมิมีคู่ชะตา อีกทั้งใบหน้ายังงดงามล้ำเลิศจึงมีเทพมากมายหมายมั่นว่าจะมาขอผูกวาสนา แต่ทว่าหมิงหลันมิได้สนใจเทพองค์ใดบนสรวงสวรรค์นี้เลย นางรอคอย รอคอยวันนี้มาอย่างเนิ่นนานนับร้อยปี ชั่วอายุขัยของนาง หัวใจของหมิงหลันเต้นแรงด้วยความดีใจ เพราะว่านางจะได้พบพานกับบุรุษผู้ซึ่งยึดพื้นที่ในหัวใจของนางเอาไว้จนหมด หลี่เจ๋อเชี่ยน จอมมารร้ายที่ได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมและไร้ปรานี เนื่องจากในโลกเบื้องล่างนั้นไร้ซึ่งสตรีที่จะให้กำเนิดทายาทของจอมมาร เขาจึงจำต้องมาขอสตรีแห่งแดนบุปผาไปกำเนิดองค์รัชทายาทให้เผ่ามาร พบพานเพียงครั้ง สลักลึกลงไปในจิตใจจนยากจะลืมเลือน  หมิงหลันได้พบหน้าท่านจอมมารเพียงครั้งเดียว เมื่อคราที่นางลงไปยังโลกมนุษย์เพื่อเผชิญเคราะห์กรรม คำกล่าวถึงหลี่เจ๋อเชี่ยนนั้นคือจอมมารที่หน้าตาหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว ผิวกายเป็นสีดำ ร่างกายเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งอสุรกาย มันมีที่ไหนกัน!! มีแต่บุรุษที่หน้าตางดงามจนสตรีเช่นนางยังรู้สึกกระดากอาย ใบหน้าที่หมดจดและเกลี้ยงเกลาของท่านจอมมารมันดึงดูดสายตาของนางไปจนหมด เขาเพียงผ่านเข้ามาช่วยหมิงหลันจากปีศาจงูที่กำลังมาแย่งปรานเซียนของนางไป… เรามิได้สบตาและหมิงหลันก็มั่นใจว่าท่านจอมมารมิได้มองหน้าของนางเลย แต่ทว่านางกลับจดจำทุกสิ่งทุกอย่างของท่านจอมมารได้อย่างแม่นยำ หลังจากกลับขึ้นมาในดินแดนสวรรค์ดวงตาทั้งสองข้างนี้ก็สามารถมองเห็นอนาคตได้ และหมิงหลันมองเห็นและรอคอยวันนี้มาเนิ่นนาน วันที่ท่านเทพม่อเกวียนจะมาที่นี่เพื่อตามหาเทพบุปผาที่จะลงไปยังเผ่ามาร ในบรรดาเทพบุปผาจะมีลักษณะเด่นคือเป็นสตรีที่งดงาม และมีพลังวิเศษติดตัว ท่านพี่ไป๋เฉียนมีพลังรักษา ส่วนหมิงหลันมีพลังที่สามารถมองเห็นอนาคตได้.. เพียงแต่พลังของหมิงหลันนั้นมีเพียงน้อยนิด นางพึ่งจะอายุหนึ่งพันปี ยังมิสามารถใช้พลังของที่มีได้อย่างเต็มที่ หากอยากจะมองเห็นอนาคตได้อย่างชัดเจนก็จะต้องใช้เวลาในการบำเพ็ญปราณเซียน พันปีหรือหมื่นไปตามเวลาของดินแดนสวรรค์ “ไม่ได้นะหมิงหลัน พี่จะยอมให้เจ้ามากระทำเรื่องเช่นนี้แทนพี่ได้อย่างไร” เพราะเรามีกันเพียงสองพี่น้อง ท่านพี่ไป๋เฉียนนั้นเป็นทั้งพี่สาวและท่านแม่ในเวลาเดียวกัน “ท่านพี่มิต้องเป็นกังวล ข้าอาสาไปก็เพราะข้าอยากจะรู้เกี่ยวกับโลกด้านล่างว่าเป็นเช่นไร ท่านพี่ก็ทราบว่าข้าเป็นเทพที่ชอบเที่ยวไปยังที่ต่างๆ อีกอย่างข้ามิอยากให้ใบหน้าที่งดงามของท่านพี่ต้องมีน้ำตา ข้าอยากให้ท่านพี่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับพี่เขย” “แต่ถึงอย่างนั้น….” “ไปกันเถิดท่านเทพม่อเกวียน ข้าพร้อมแล้ว” ข้าพร้อมมาตั้งแต่สองร้อยปีที่แล้ว แล้วล่ะ หมิงหลันเดินไปหาเทพม่อเกวียนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และถึงแม้ว่าใบหน้าของหมิงหลันนั้นจะไม่มีอาการเจ็บปวดหรือเป็นทุกข์ใจใดๆเลย แต่ท่านเทพม่อเกวียนก็อดถอนหายใจไม่ได้ “เจ้าควรจะล่วงรู้ว่าการลงไปในดินแดนมารครั้งนี้มิได้ไปเที่ยวอย่างที่เจ้าเคยไป..” “ข้ารู้แล้วน่า!! ข้าจะไปเป็นเจ้าสาวของท่านจอมมารหลี่เจ๋อเชี่ยน!!” ริมฝีปากของโฉมงามหยักยิ้มขึ้นมาโชว์ฟันขาวที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามในริมฝีปากเล็กๆนั่น “ใช่ที่ไหนกัน คนเช่นท่านจอมมารมิได้คิดจะแต่งงานกับสตรีใดอยู่แล้ว เจ้าเดินทางไปในครั้งนี้เพื่อให้กำเนิดลูกของเขาเท่านั้น!!” “แล้วมันไม่เหมือนกันตรงไหน? สุดท้ายข้ากับท่านจอมมารก็จะต้องร่วมเตียงกันอยู่ดี!” อ่า..เทพม่อเกวียนคิดว่าหัวของเขาในตอนนี้มันกำลังปวดอย่างรุนแรง เดิมทีเขาและหมิงหลันนั้นสนิทสนมกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และในยามนี้เขากำลังตักเตือนเพื่อให้นางเห็นถึงภัยอันตรายในภายภาคหน้า แต่ทว่าเหมือนกับเขาเสียแรงเปล่า “สวรรค์กับมารนั้นมิได้มีความสัมพันธ์ที่ดีเท่าไหร่ ข้าอยากให้เจ้าระวังตัวเอาไว้บ้างก็ดี” หมิงหลันส่งยิ้มที่แสนจะงดงามให้ท่านเทพม่อเกวียนอีกครั้ง “ขอบคุณท่านเทพที่ตักเตือน วางใจเถิดข้าจะอยู่ที่ดินแดนมารอย่างมีความสุขเอง!” นี่คือหนทางที่ข้าเลือกเอง ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไรข้าล้วนแล้วแต่ยินยอมน้อมรับทั้งนั้น หมิงหลันปรายตาไปมองสวนดอกไม้ที่นางเป็นผู้ปลูกขึ้นมา ดอกโบตั๋นที่สวยงามและดอกเหมยฮวาที่กำลังผลิบาน ความสวยงามของดินแดนสวรรค์นั้นเป็นเรื่องที่ถูกกล่าวถึงอย่างหนาหูและเบื้องหลังความสวยงามของที่นี่ก็มาจากสองพี่น้องเทพบุปผา หมิงหลันหวังในใจเพียงว่าพี่ไป๋เฉียนและท่านพี่เขยอันฉีจะครองคู่รักกันและช่วยกันดูแลดินแดนสวรรค์ในงดงามเช่นเดิม ถึงแม้ว่าจะไม่มีนางก็ตาม หลังจากนี้ข้าจะใช้สองมือสร้างเผ่ามารและโลกเบื้องล่างให้งดงามเช่นดินแดนสวรรค์เอง

Updated at

Read Preview
นักต้มตุ๋นคนนี้ จะหลอกเอาหัวใจท่านมาให้ได้

นักต้มตุ๋นคนนี้ จะหลอกเอาหัวใจท่านมาให้ได้

Reads

"ข้าว่ามันจะต้องออกต่ำแน่นอน...." ไดน่ากล่าวพร้อมทั้งชี้ไปที่ถ้วยแก้วสีทึบที่ตั้งอยู่กลางโต๊ะ อลิซเคาะโต๊ะอย่างใช้ความคิด "เราเหลือเหรียญทองอีกกี่เหรียญ?" ไดน่าเปิดถุงเงินออก สตรีทั้งสองนางกำลังลุ้นว่าจะมีเหรียญทองเหลือกี่เหรียญ เหรียญเดียวและเหรียญสุดท้าย.... ใบหน้าของอลิซนั่นครุ่นคิด "ข้าว่าสูง เชื่อใจข้าเถอะไดน่า" "ก็เพราะข้าเชื่อเจ้า! เหรียญทองของเราถึงเหลืออยู่เหรียญเดียวนี่ไง!!" อลิซมองที่ไดน่าอย่างรู้สึกผิดเหตุใดวันนี้เธอถึงจะดวงซวยนัก!! ไดน่าวางเหรียญทองลงในช่องต่ำ "ข้าจะเปิดแล้วนะ วางเดิมพันกันครบรึยัง!!" "ได้เวลาภาวนาแล้วอลิซ วันนี้เราจะอดข้าว หรือจะได้ดื่มไวน์!!" อลิซจับมือกับไดน่าพร้อมทั้งส่งเสียงเชียร์ "ต่ำสิ ต่ำมาเลยลูกแม่!!" เจ้าของโต๊ะพนันค่อยๆ เปิดถ้วยออกลูกเต๋าสามลูกในถ้วยออกมา ลูกเต๋าทั้งสามลูกล้วนแล้วแต่มีแต้มหกแต้มเหมือนทั้งสามลูก!!! อลิซและไดน่าเดินคอตกออกจากบ่อนพนัน "บางทีข้าก็คิดนะว่าทำไมเราไม่เอาเงินค่าจ้างของเราไปซื้อไวน์และเนื้อย่างกิน...." "พึ่งมาคิดได้อะไรตอนที่ไม่เหลือเงินสักบาทฮะอลิซ เจ้าควรจะคิดก่อนที่จะพาข้าไปที่บ่อนด้วยซ้ำ" อลิซถอนหายใจ "แล้วใครกันล่ะที่แทงต่ำ ข้าบอกแล้วว่ามันจะสูง!!" "เจ้าแทงผิดมาแล้วห้าตา ข้าจะไปรู้ได้ยังไงว่าตาที่หกมันจะถูก!!" สตรีทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ "ให้ตายเถอะ ข้าควรจะเลิกเป็นเพื่อนกับเจ้าซะ บางทีข้าอาจจะรวยกว่านี้" ไดน่าขมวดคิ้ว ทั้งสองพากันเดินมาจนถึงบ้านหลังน้อยท้ายหมู่บ้าน ก่อนจะพากันเข้าบ้าน อลิซถอดวิกและล้างหน้าที่เธอทาถ่านและติดแผลเป็นปลอมๆ เอาไว้ จากหญิงสาววัยกลางคนกลายเป็นดรุณีน้อยผู้งดงาม ไดน่าก็เช่นกัน เธอถอดวิกผมออก พร้อมกับถอดฟันปลอมและไฝ "เจ้าได้อะไรมาบ้าง?" อลิซถามพร้อมทั้งล้มตัวนอนลงบนโซฟา "ถุงเงิน แหวนเพชร และสร้อยข้อมือที่น่าจะเป็นทอง" "อ่า ดีชะงัด ข้าได้ถุงเงินและสร้อยเพชร" อลิซชูสร้อยเพชรขึ้นมา เพชรสีชมพูเล่นแสงวาววับและงดงาม "อย่ามัวแต่นอนอยู่ เราควรจะย้ายบ้านได้แล้ว ป่านนี้คนที่บ่อนน่าจะรู้ตัวแล้วว่าของหาย" อลิซลุกขึ้นพร้อมกับเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นชุดหญิงสาวชาวบ้าน พวกเราเก็บของใส่กระเป๋าเอาไว้เรียบร้อย เพราะเตรียมการที่จะหนีเอาไว้อย่างดีแล้ว เธอคืออลิซ และเพื่อนของเธอคือไดน่า เราทั้งสองคนเติบโตมาในบ้านเด็กกำพร้า ที่นั่นเหมือนฝันร้ายเพราะผู้ดูแลที่นั่นชอบทรมานเด็กอย่างพวกเธอที่สุด ไดน่าอายุมากกว่าเธอสองปี เราช่วยกันวางแผนการหนีออกมา ในตอนนั้นไดน่าสิบขวบ ส่วนเธออายุแปดขวบ ที่จำเป็นต้องหนีเพราะว่าผู้ดูแลสถานกำพร้า เริ่มจะมองไดน่าแปลกๆ ในวันนั้นผู้ดูแลมาหาไดน่าแต่เช้าและใช้ให้นางไปหาเขาตอนเย็น วันนั้นทั้งสองคนจึงรู้ได้เลยว่าหากไม่หนีออกมาวันนั้นไดน่าจะต้องถูกทรมานแน่นอน ดรุณีน้อยทั้งสองหนีออกมาช่วงพลบค่ำ พวกเธอได้ความช่วยเหลือจากชาร์ลคนส่งอาหาร ชาล์าแอบพาพวกเราขึ้นรถม้าส่งอาหาร แล้วพาพวกเราออกมาข้างนอก ชีวิตที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าว่าลำบากแล้ว แต่พอออกมาใช้ชีวิตกันเองยิ่งลำบากกว่าเก่า ไดน่าต้องพาอลิซทาหน้าด้วยดินโคลนตลอดเวลาเพราะใบหน้าที่งดงามของพวกเรามันคืออันตราย แต่ทว่าไม่ใช่กับบ่อน งานแรกของไดน่าคือเป็นเด็กทำความสะอาด แต่ด้วยใบหน้าที่น่ารักและเป็นเด็กทำให้ผู้คนในบ่อนเอ็นดู และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเป็นมิจฉาชีพครั้งแรกของไดน่า เธอใช้เวลายาวนานหลายปีสอดส่องพฤติกรรมของนักพนันทั้งหลาย ทุกคนจะสนใจเพียงแค่ไพ่บนโต๊ะเท่านั้น ไม่มีใครคอยระวังทรัพย์สินของตัวเองหรอก เธอพาอลิซเริ่มหลอกลวง ต้มตุ๋น ไปตามที่ต่างๆ จนความเป็นอยู่ของเราสองพี่น้องเริ่มดีขึ้นจึงจะพากันไปอยู่หมู่บ้านทางเหนือที่ไม่มีใครรู้จักเรา ไปเปิดร้านขายเนื้อย่างและไวน์เล็กๆ อยู่ด้วยกันสองพี่น้อง อลิสส่งยิ้มให้ไดน่า ก่อนจะเดินนำขึ้นรถม้าไปก่อน ทว่าอยู่ๆ ก็มีชายชุดดำราวห้าคนปรากฏตัวขึ้นมา ดาบที่แหลมคมถูกจ่อไปที่คอของไดน่า เธอมองอลิซที่อยู่ในรถม้าอย่างตกใจ "ออกมาสิแม่สาวน้อย!!" อลิซกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เธอเดินออกมาจากรถม้าพร้อมกับมองที่ไดน่าอย่างเป็นห่วง "จะมาปล้นกันรึไง?" อลิซถามพร้อมมองไปที่ชายชุดดำอย่างประเมินสถานการณ์ "เจ้านายของข้าอยากเจอพวกเจ้า รีบตามมาดีๆ เถอะ ข้าไม่อยากทำร้ายสตรี" ทั้งสองเดินตามชายชุดดำมาไม่นานก็พบกับรถม้าที่หรูหราและใหญ่โต ชายชุดดำสั่งให้เธอเดินขึ้นไป ไดน่าเลือกจะเดินขึ้นไปก่อน ตามด้วยอลิซ ด้านในรถม้าประดับตกแต่งอย่างหรูหรา มีสตรีชนชั้นสูงนั่งอยู่ ประเมินอายุด้วยสายตาสตรีผู้นี้น่าจะอายุราวสี่สิบถึงห้าสิบปี ใบหน้าที่มีเหี่ยวย่นนั้นยังคงความงดงามและดูน่าเกรงขาม "ไดน่า และอลิซใช่หรือไม่ รู้ไหมว่าข้าให้คนตามสืบเรื่องของเจ้าสองคนมาเนิ่นนาน จนในที่สุดก็ได้พบตัวพวกเจ้าสักที" ให้ตายเถอะนี่เธอเคยไปขโมยของยัยป้านี่มาอย่างนั้นเรอะ!! อลิซมองไปที่สตรีชนชั้นสูงอย่างประหม่า "ขอเข้าเรื่องเลยนะ ส่งสร้อยเพชรสีชมพูมาให้ข้า" อ่า ขโมยมาจริงๆ ด้วยสินะ อลิซเปิดกระเป๋าเดินทางของเธอออกมาพร้อมกับส่งสร้อยเพชรพิงค์ไดม่อนให้สตรีตรงข้าม "วางใจเถอะข้าจะไม่ทำอันตรายกับเจ้าทั้งสอง และสร้อยนี้ก็มีใช่ของข้า ข้าขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน ข้าจะให้เจ้าไปสืบเรื่องราวเกี่ยวกับสามีของข้า" อลิซและไดน่ามองหน้ากันอย่างตกใจ "พวกเราไม่คิดจะทำงานให้ท่านหรอกค่ะ ข้าและน้องสาวจะพากันไปอยู่ต่างเมือง" "ข้าคิดว่าพวกเจ้าทั้งสองคนไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะสามารถปฏิเสธหรือว่าต่อรองได้ อย่าลืมสิว่าข้าสามารถสั่งให้พวกทหารของข้าจัดการพวกเจ้าได้อย่างง่ายดาย" นี่มันอะไรกันวะเนี่ย!! "อลิซเจ้าต้องปลอมตัวไปกับคณะนักบุญที่จะเดินทางไปยังเมืองนอห์ร่า เพื่อตามสืบข่าวของดยุคแอรอนส่งมาให้ข้า" "เหตุใดต้องเป็นข้าด้วย" "เพราะว่าเจ้างดงามยังไงล่ะ ใบหน้าของเจ้าน่ารักน่าเอ็นดู นั่นคือใบหน้าของสตรีในแบบที่สามีข้าชอบ ส่วนไดน่าเจ้าต้องกลับไปอยู่คฤหาสน์กับข้า เพื่อเป็นตัวประกัน" "นี่มันจะเกินไปแล้วนะ ข้าไม่มีทางยอมให้ไดน่าไปอยู่กับท่านแน่นอน" "นา

Updated at

Read Preview
ได้โปรดอย่าเห็นใจปีศาจ

ได้โปรดอย่าเห็นใจปีศาจ

Reads

เท้าทั้งสองข้างกำลังก้าวเดินไปด้วยความสับสน ใบหน้าหวานรื้นไปด้วยหยาดน้ำตาแวววาวที่กำลังรินไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย ยิ่งมุ่งหน้าเข้าสู่ส่วนลึกของป่า ต้นไม้ก็เริ่มหนาตาแน่นขนัดมากยิ่งขึ้น บางจังหวะก็เบียดกันรกชัฏจนต้องเดินอ้อมเลี่ยงไปอีกทาง สายลมหอบเอากลิ่นของใบไม้แห้งและกลิ่นอายของดินลอยฟุ้งขึ้นมาเตะจมูก.. ความรู้สึกแสบร้อนผุดขึ้นมาในดวงตา มือทั้งสองข้างขยำกระดาษในมือเอาไว้แน่น ข้อความในนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในใจราวกับว่า “เขาคนนั้น” พึ่งจะยื่นจดหมายให้เธอเมื่อวานนี้เอง ทั้งๆ ที่มันผ่านมาเป็นระยะเวลาหนึ่งปีแล้ว แต่ทว่าเธอก็ยังคงวิ่งไล่ตามหาเบาะแสของเขาอยู่ “เพราะมีชีวิตอยู่มานานมากพอแล้ว ข้าจึงหวังว่ามันจะจบลงในสักวันหนึ่ง ความตายอาจทำให้มนุษย์ทุกคนมีจุดหมายในการดิ้นรน แต่ทว่าในชีวิตของข้า เจ้าคือผู้ที่ทำให้ชีวิตสีเทานี้มีสีสันมากขึ้นกว่าเดิม แต่ทว่าข้าไม่อาจโลภมากกว่านี้เชอรีน..เมื่อจุดจบของข้าเดินทางมาถึง ข้าหวังว่าเจ้าจะมีความสุข” เชอรีนทรุดตัวลงปล่อยโฮอย่างไม่อายใคร เธอไม่คิดหวาดกลัวเลยด้วยซ้ำว่าในยามนี้ตัวเองกำลังนั่งอยู่คนเดียวในป่าลึก เสียงร้องไห้ที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง พอๆ กับฝีเท้าที่ก้าวเดินอย่างไม่มั่นคง “ยะ..อยู่ที่ไหนกันนะ! ออสตินคุณอยู่ที่ไหนกันคะ?” ในวันที่ฉันมีทุกอย่าง..ฉันกลับสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตไป .................. “ชุดนี้สวยมากเลยนะคะคุณหนู ยิ้มให้เยอะๆ เพราะว่าวันนี้คือวันเกิดของคุณท่าน..” ป้าเกลส่งยิ้มให้คุณหนูที่แสนงดงามของเธอ สาวใช้วัยชรารับใช้เชอรีนมาตั้งแต่เด็กสาวผู้นี้พึ่งจะลืมตาดูโลกจนในยามนี้เชอรีนอายุยี่สิบปีแล้ว และที่สำคัญคุณหนูของเธอยิ่งโตก็ยิ่งฉายแววงดงามเหมือนกับคุณผู้หญิง หากว่าคุณผู้หญิงไม่ด่วนจากไปก่อน สภาพความเป็นอยู่ของคุณหนูก็คงจะดีมากกว่านี้ “หนูไม่อยากไปที่นั่นเลยค่ะป้าเกล” เพราะว่าพ่อของเธอคือนายท่านแห่งเอลเลน่าผู้ร่ำรวย อาณาจักรความหรูหราและไฮโซ มีกิจการนับไม่ถ้วนภายใต้ชื่อของเอลเลน่ากรุ๊ป และเพราะความร่ำรวยนี้เองทำให้คุณพ่อมีภรรยาถึงสองคน ไม่รวมกับแม่ของเธอที่ตายไปแล้ว งานวันนี้เป็นงานใหญ่ที่ไม่ได้มีแต่ครอบครัวจอมปลอมของเธอเท่านั้น แต่ทว่ามีตระกูลดังๆ และเหล่ามหาเศรษฐีตบเท้าเข้าร่วมงานเพื่อแสดงความยินดีแก่นายท่านคาเตอร์ในวันเกิดครบรอบอายุหกสิบปี “ไม่ได้นะคะคุณหนูจะอย่างไรก็ต้องเข้าร่วมงานในวันนี้” เชอรีนรู้ว่าเธออายุยี่สิบปีแล้ว เธอเรียนจบเร็วกว่าคนอื่นเพราะเริ่มเรียนก่อน และนี่คงถึงเวลาอันสมควรที่พ่ออาจจะส่งเธอไปแต่งงานกับตระกูลไหนสักตระกูลเพื่อการร่วมลงทุนที่ดีที่สุด ลูกสาวมีค่าเพียงเท่านั้น และเพราะว่าเธอไม่ได้เกิดมาเป็นผู้ชายจึงไม่มีสิทธิ์ในการบริหารจัดการเอลเลน่ากรุ๊ปเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงแม้ว่าแม่ของเธอจะเป็นภรรยาหลวงก็ตาม และเพราะป้าเกลขอร้องเชอรีนจึงเดินทางมาที่โรงแรมเอลเลน่าเพื่อมาร่วมงานวันเกิดของพ่อ “กล้ามาเหยียบที่นี่ด้วยงั้นเหรอ? นึกว่าจะหดหัวอยู่ในคอนโดเล็กๆ เท่ารูหนูนั่น..” ถึงแม้ว่าแม่ของเชอรีนจะเป็นภรรยาหลวงแต่ทว่าพ่อกลับมีลูกกับภรรยารองก่อนแม่ของเธอเสียอีก “หากพี่เห็นว่าหนูยืนอยู่ตรงนี้ก็แสดงว่าหนูมานั่นแหละค่ะ แล้วทำไมหนูจะมางานวันเกิดของพ่อตัวเองไม่ได้ล่ะคะ!!” เคนโซ่หัวเราะเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาโอบไหล่ของเชอรีน “นังโง่! พ่อไม่นับว่าแกเป็นลูกของด้วยซ้ำ อีกอย่างพ่อให้พี่จัดการเรื่องการหาคู่แต่งงานให้แกด้วย เอาเป็นลูกชายคนเล็กของตงฟางกรุ๊ปดีไหม ถึงแม้ว่าหมอนั่นจะเจ้าชู้ไปหน่อยแต่หน้าตาก็พอใช้ได้..ไหนๆ แม่ของแกก็เป็นภรรยาคนแรกของพ่อ พี่ก็ควรจะให้แกแต่งไปเป็นเมียหลวงสิ!” มือของเชอรีนกำแน่น เปลวไฟแห่งโทสะกำลังแผดเผาในใจ เธออยากจะยกมือขึ้นมาฟาดลงไปบนใบหน้าของพี่เคนโซ่สักที ทว่า..เธอไม่อาจทำเช่นนั้นได้ เชอรีนไม่เคยโลภกับทรัพย์สมบัติที่มากมายของพ่อ เธอแค่ต้องการความสงบสุขที่ได้อยู่กับป้าเกลสองคนก็พอแล้ว เพราะแม่เสียตั้งแต่เชอรีนได้สิบขวบและในชีวิตของเชอรีนมีเพียงป้าเกลเท่านั้นที่เป็นครอบครัวเพียงหนึ่งเดียว “ขอบคุณ..พี่เคนโซ่ด้วยนะคะที่เมตตาหนูขนาดนั้น” เคนโซ่ยักไหล่ “นี่ชักจะไม่สนุกแล้วสิ เพราะต่อให้พี่จะแกล้งแกยังไง แกก็ไม่รู้จักการตอบโต้พี่เลย ทำไมถึงเกิดมามีดีเพียงแค่หน้าตาแบบนี้ล่ะเชอรีน” เธอมองหน้าเขาด้วยดวงตาที่พยายามเก็บซ่อนน้ำตาอย่างหนัก “อะไรกันพี่ใหญ่ นี่รังแกเชอรีนอีกแล้วงั้นเหรอ?” ดัชตินพี่ชายคนรองเดินเข้ามาก่อนจะส่งแก้วไวน์ให้กับเชอรีน “เชอรีนน้องรักอย่าไปใส่ใจการกลั่นแกล้งเล็กๆ น้อยๆ ของพี่ใหญ่เลยน่า ไหนๆ มาแล้วไปทักทายพ่อสิ” เชอรีนปรายตามองหน้าของพี่รองดัชติน ชายผู้นี้มีใบหน้าที่แสนอ่อนโยน แต่ทว่าเขาไม่ได้แตกต่างกับพี่ใหญ่สักเท่าไหร่นัก เธอไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพวกเขาทั้งสองคนจะเกลียดชังอะไรเธอนักหนา ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยไปแสดงตัวหรือว่าร้องขอสิ่งใดจากพ่อเลย! เมื่อดัชตินเห็นเชอรีนยืนนิ่งเขาก็ดึงแขนของเธอให้เดินมายังห้องรับรอง พ่อกำลังพูดคุยเรื่องงานอยู่และนั่นคือสิ่งที่ดัชตินอยากจะเห็น “พ่อครับ น้องมาอวยพรให้พ่อครับ” ชายวัยกลางคนที่ยังคงสมบูรณ์แบบไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า อายุที่มากขึ้นไม่ได้ทำให้นายท่านแห่งเอลเลน่าดูชราลงเลย คาเตอร์ปรายตามองหน้าลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาก่อนที่เขาจะส่งยิ้มให้กับชายเบื้องหน้าที่กำลังคุยเรื่องธุรกิจค้างเอาไว้เมื่อครู่ “คงจะต้องเสียมารยาทแล้วครับ พอดีลูกสาวที่แสนน่ารักจะมาอวยพรวันเกิดให้..” “ไม่เป็นไรเลยครับนายท่านคาเตอร์ เชิญใช้เวลาร่วมกันกับครอบครัวเถอะครับ งานนี้ก็จัดขึ้นมาเพื่อการนั้นอยู่แล้ว” คาเตอร์หัวเราะเบาๆ กับคำกล่าวของชายผู้นั้น เขาหันไปมองเชอรีนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ฝีมือของเกลก็นับว่ายังดีอยู่เรื่องการเลือกชุดที่ไม่ทำให้เขาขายขี้หน้า “พ่อไม่คิดว่าแกควรจะมางานนี้ รีบออกไปจากที่นี่ซะ!..” ดัชตินยกมือขึ้นมาปิดปากหัวเราะ ในขณะที่เชอรีนก้มหน้าลงด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกไล่ออกไปจากงานเลี้ยงของเอลเลน่าที่จัดขึ้นมา ไม่ว่าเธอจะเข้าร่วมงานส

Updated at

Read Preview
ถ้าหากคุณต้องการ ฉันเป็นนางเอกให้ก็ได้ค่ะ

ถ้าหากคุณต้องการ ฉันเป็นนางเอกให้ก็ได้ค่ะ

Reads

อ่า..ฉันคิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในช่วงตกหลุมรักล่ะ เวลาตกหลุมรักใครสักคนหัวใจก็จะเต้นแรง หน้าแดงทุกที ในตอนที่เจอเขาใช่ไหม? อาการมันเป็นแบบนั้นเลยในยามที่หันไปมองภาพวาดขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ตรงหัวเตียง “วันนี้ก็ยังคงหล่อเหมือนเดิมเลยนะคะมาไคล์ ถ้าได้ฝันถึงคุณก็ดีสิ” เธอรู้แล้วน่า..ว่าเขาเป็นตัวร้าย แต่เขาโตมาในครอบครัวประสาทแดกแบบนั้นมันเลยหล่อหลอมให้เขาต้องร้ายเพื่อมีชีวิตรอด ถึงแม้ว่าเขาจะสังหารผู้คนมากมาย แต่เพราะเขาเป็นแม่ทัพนี่ เขาต้องปกป้องจักรวรรดิ แถมยังต้องปกป้ององค์รัชทายาทที่ไม่ได้เรื่องนั่นอีก เป็นพระเอกประสาอะไรไม่ยอมออกไปรบ อยู่แต่ในพระราชวังเพื่อสั่งการ ผู้ที่ต้องออกไปจับดาบออกรบและปกป้องราชวงศ์มีแค่ตัวร้ายสุดหล่อของเธอเท่านั้นเอง.. ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอกที่เขาลุกขึ้นมาก่อกบฏในตอนที่รู้ว่าอเดเรียกับองค์รัชทายาทฮาร์วีจะแต่งงานกันน่ะ ถึงแม้นิยายเรื่องเจ้าหญิงผู้ถูกรักจะเป็นนิยายฮาเร็มแต่ก็ไม่มีฉากรักของอเดเรียกับมาไคล์เลย ซึ่งมัน..ดีมากๆ เขาเป็นของฉันจ้า นางเอกของเรื่องมีผู้ชายที่รักเยอะแล้วอย่ามายุ่งกับเมนของฉันเลย ฉันค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ เพราะทำงานมาเหนื่อยทั้งวัน ฉันจึงเข้าสู่ห้วงนิทราได้อย่างง่ายดาย.. วันนี้ฉันอยากฝันถึงคุณนะคะมาไคล์ อยากเจอคุณสักครั้ง..ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากโอบกอดคุณจากทุกความเจ็บปวดทั้งปวด นางเอกของเรื่องไม่รักคุณก็ไม่เป็นไรนะคะ เพราะว่าฉันที่อยู่ตรงนี้จะรักคุณเอง!! “ลืมตาขึ้นมา อย่าแสร้งทำเป็นอ่อนแออยู่เลยทารีน่า รีบมาคุยเรื่องนี้ให้จบ เราจะได้แยกย้ายกันกลับบ้าน” น้ำเย็นจัดถูกสาดเข้ามาใส่ใบหน้าของเธอ และแน่นอนเธอลืมตาขึ้นมาด้วยความรวดเร็วเพราะว่าน้ำที่สาดมามันเย็นราวกับน้ำแข็งเลย ดวงตากลมโตพลันเบิกกว้างด้วยความตกใจ เธอเห็นใบหน้านี้มานับครั้งไม่ถ้วนจากรูปภาพบนหัวนอนแต่ในตอนนี้เขากำลัง กะพริบตา.. เธอยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองก่อนจะกรีดร้องออกมาในใจ นี่เธอกำลังฝันอยู่ใช่ไหม เธอฝันเห็นมาไคล์ แถมยังอยู่ใกล้กันในระยะประชิดอีกด้วย มือทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมากอบกุมใบหน้าของเขาเอาไว้ มันอบอุ่นเหมือนกับว่าเขากำลังมีชีวิตอยู่เลย “มาไคล์...” “เหอะ! นี่เจ้ากล้าเรียกชื่อของข้าอย่างนั้นหรือ? ช่างไม่หวาดกลัวความตายหรืออย่างไร ถึงได้กล้าเรียกชื่อของผู้กุมความตายเช่นนี้?” ฉายาของเขาในสนามรบคือทารอนผู้กุมความตาย ไม่มีใครกล้าเรียกชื่อของเขาออกมาเพราะทุกคนต่างหวาดกลัว “นี่คงเป็นความฝันที่เหมือนจริงที่สุดเลย ขะ..ขอจูบสักครั้งได้ไหมคะ จะไม่ลืมพระคุณเลย” หลังจากนั้นเธอก็เคลื่อนใบหน้าไปหาเขาแต่ทว่าทำไมริมฝีปากของมาไคล์ถึงได้เย็นเฉียบขนาดนี้กันนะ เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังจูบบนดาบของเขา “หากกล้าทำเรื่องเช่นนี้อีก ดาบเล่มนี้จะแทงเข้าไปในปากเจ้าแทน” อ่า..โหดชะมัดเลยล่ะพ่อคุณ เธอรีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองในทันทีเมื่อเขาขู่ออกมาเช่นนั้น “อย่าทำให้ข้าเสียเวลาทารีน่า รีบบอกมาเถอะว่าอเดเรียอยู่ที่ไหน ความอดทนของข้ามันไม่ได้มีจำกัดอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ” ทารีน่างั้นเหรอ? นี่นางร้ายคนนั้นก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอเนี่ย ว้าว..เป็นความฝันที่คุ้มค่าสุดๆ ไปเลยได้เห็นใบหน้าสวยๆ ของนางร้ายอย่างทารีน่าด้วย เธอหันไปมองด้านหลังของตัวเองก็ไม่เจอใคร ไม่อยู่ข้างหลังแบบนี้ แสดงว่าอยู่ด้านหลังของท่านมาไคล์ใช่หรือไม่ เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็โยกใบหน้าไปด้านข้างเพื่อมองไปยังด้านหลังของท่านมาไคล์ ไม่มีใครอยู่เลยนี่นา..ในที่แห่งนี้มีแค่เธอและเขาเท่านั้นเอง มีแค่เราสองคนแต่เมื่อครู่เขาทำท่าทางเหมือนกับกำลังคุยกับทารีน่า ฮะ..ฮ่า!! ไม่ใช่หรอกมั้ง เธอคงไม่ได้ฝันว่าตัวเองเป็นทารีน่าหรอกใช่ไหม? เธอหันไปหาเงาน้ำที่สะท้อนอยู่บนพื้น สิ่งที่เด่นชัดไม่ใช่ใบหน้านี้แต่เป็นผมสีแดงแปร๊ดที่อยู่บนศีรษะของเธอต่างหาก..อย่างไม่ต้องสงสัยนี่เธอฝันว่าตัวเองเป็นทารีน่าจริงๆ ด้วยสินะ!! “อะ.เอ่อ ท่านดยุคกำลังเข้าใจผิด คือข้าไม่ได้..” “ข้าจะนับถึงสาม หากเจ้ายังไม่เปิดปากบอกที่อยู่ของอเดเรีย ดาบนี่จะแทงทะลุร่างกายของเจ้าเป็นแน่..” ก็แทงมาสิโว้ย นี่มันในฝัน เพราะอย่างนั้นมันไม่เจ็บหรอก เธอน่ะไม่ยอมให้เขาไปหาอเดเรียหรอก ไหนๆก็ฝันว่าเข้ามาอยู่ในร่างของนางร้ายแล้วก็จะร้ายซะให้สาแก่ใจเลย!! “ข้าไม่มีทางบอกที่อยู่ของอเดเรียให้ท่านหรอกค่ะ ข้าไม่อยากให้ท่านหานางพบเจอเพราะว่าข้ารักท่าน...” “ฉึก!!..” ดาบในมือของเขาแทงลงไปที่สีข้างของเธอ เลือดสีแดงสดไหลรินออกมายังส่วนที่ถูกแทง พร้อมๆ กับ..ความเจ็บปวด... ห๊ะ!! ทำไมเจ็บเหมือนถูกแทงจริงเลยวะเนี่ย!! แถมกลิ่นคาวเลือดที่ไหลออกมายัง..อุ่นๆ เหมือนเป็นเลือดของเธอจริงๆ เลย หรือว่านี่มันไม่ใช่ความฝัน แต่ถ้าไม่ใช่ความฝันแล้วเธอจะได้เจอเมนของตัวเองได้ยังไงกัน.. ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อคิดถึงเรื่องการทะลุมิติแบบในนิยายสามร้อยห้าสิบเรื่องที่เคยอ่านมา แต่เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน เธอยังไม่ตายสักหน่อย.. เอ๊ะ..หรือว่าตัวเธอตายไปแล้ว นอนหลับไหลตายไปเลยงั้นเหรอ? “ข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่าพูดอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับอเดเรีย ข้าจะถามเจ้าอีกครั้งว่านางอยู่ที่ไหน?” เธอเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขา ก่อนที่หยาดน้ำตาจะไหลออกมาโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้ออกมาทำไมกัน “ท่านดยุคแทงข้า อ่า..ให้ตายเถอะ ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บปวดแต่มันก็มีความสุขมากจริงๆ ช่วยแทงข้าอีกสักครั้งจะได้ไหมคะ?” เสียสติไปแล้วรึไง? แต่แววตาของทารีน่านั้นเปลี่ยนไปเมื่อนางฟื้นขึ้นมา หลังจากล้มหัวกระแทกพื้น นางมองเขาราวกับว่าเขาคือความหวังเดียวของนาง มองเขาเหมือนกับว่านางกำลังตกหลุมรักเขายังไงอย่างนั้น นี่มัน..บ้าไปแล้วแน่ๆ “ท่านดยุคทารอน นี่ท่านทำร้ายคู่หมั้นของข้าอย่างนั้นหรือครับ” นี่ใช้คำว่าเกือบหลับแต่ยังกลับมาได้ ได้รึเปล่านะ เพราะเสียงที่ดังขึ้นมานั้นทำให้เธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งแล้วหันไปมองบุรุษที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเธอ เขายกมือขึ้นมาโอบกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับกดแผลที่พึ่งถูกแทงเอาไว้ “ไม่ต้องกลัวนะทารีน่า ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว”

Updated at

Read Preview
มาแต่งงานกับฉันอีกครั้งได้ไหมคะ

มาแต่งงานกับฉันอีกครั้งได้ไหมคะ

Reads

มีคำกล่าวเล่าขานถึงเทพีอะโฟเดธี ว่าพระนางคือเทพีที่งดงามยากจะหาสิ่งใดเปรียบเทียบ ความงามที่มิอาจเปรียบเทียบกับสิ่งใดได้ ความงดงามที่ผู้คนที่พบเห็นเป็นต้องตกตะลึง  ราชอาณาจักร อเดลไทม์  ในวันที่ราชวงศ์เคนเดน่าไม่มีอำนาจมากพอที่จะบริหารจัดการราชอาณาจักร ทางออกเดียวขององค์จักรพรรดิฟาริเค นั่นก็คือลูกสาวทั้งสองคนของเขา  งดงาม เย้ายวนจนมวลบุพผายังต้องหม่นหมอง เคเดน่า ริฮาน เซซิเลีย พี่สาวคนโตที่งดงามและเย้ายวนใจ เซซิเลียคือองค์หญิงที่ถึงพร้อมในทุกๆด้านเพราะเธอคือลูกสาวคนโต มีคำกล่าวว่านินทาจากชนชั้นสูงว่าที่ราชวงศ์จะล่มสลายนั่นก็เพราะว่า องค์ราชินีสเตฟานี่มิอาจให้กำเนิดองค์ชายได้  นั่นทำให้ความสัมพันธ์ขององค์จักรพรรดิและองค์ราชินีไม่ค่อยสู้ดีนัก เซซิเลียจึงจำเป็นอย่างมากที่นางจะต้องเรียนให้เก่งในทุกๆด้าน ความตั้งใจและจิตใจที่เข้มแข็งของเธอมันล้ำค่ามากกว่าใบหน้าที่แสนจะงดงามนั่นซะอีก... ทว่านั้นมิได้เพียงพอต่อความมั่นคงของราชวงศ์ กำลังทหารของพระราชวังมีน้อยเต็มที่ และสิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือการส่งองค์หญิงไปแต่งงานกับดยุคเอเดเรี่ยน  เซซิเลียคือลูกสาวที่เหมาะสมในการส่งไปแต่งงานครั้งนี้มากกว่า เซเวีย หากเปรียบเซซิเลียเป็นดอกกุหลาบ เซเวียก็คือดอกเดซีที่แสนจะอ่อนโยน เนื่องจากเธอคือองค์หญิงคนที่สองจึงมิต้องแบกรับความกดดันใดๆจากเสด็จพ่อ และความคิดของเซเวียก็แตกต่างจากพี่สาวโดยสิ้นเชิง เธอไม่คิดว่าสตรีจะสามารถขึ้นเป็นจักรพรรดินีได้ เรื่องการปกครองราชอาณาจักรนี้ ถึงอย่างไรก็ต้องเป็นหน้าที่ของบุรุษ พระเจ้ามอบใบหน้าที่งดงามเช่นนี้มาให้ การใช้ใบหน้าที่งดงามนี้ยั่วยวนพวกมีอำนาจ น่าจะคุ้มค่ากว่าการลงแรงไปกับเรื่องไร้สาระที่พี่สาวของเธอกำลังทำมัน... เซซิเลียเปิดราชโองการออกมาดู เธอหลับตาลงช้าๆเพราะไม่คิดว่าเสด็จพ่อจะตัดสินใจเช่นนี้ เธอมีคนรักอยู่แล้ว เคาน์คอนราด โมเรย์ คือบุรุษที่กำลังคบหาเธอ และ..เรารักกัน ทว่าการปฏิเสธคำสั่งของเสด็จพ่อมิอาจทำได้ง่าย หากจะพูดตรงๆเธอไม่มีทางที่จะทำมันได้เลย  ดยุคเอเดเรี่ยน เขามีชื่อเสียงด้านนิสัยที่ป่าเถื่อน เขามิได้เป็นชนชั้นสูงมาตั้งแต่กำเนิด แต่เขาได้รับยศดยุคมาในวันที่เขาสามารถรบชนะข้าศึกและสามารถยึดดินแดนกลับมาให้ราชอาณาจักรอเดลไทม์ได้สำเร็จ ความเก่งกาจของเขาทำให้มีผู้สนับสนุนเขาเป็นอย่างมาก เขาสามารถก่อตั้งเอเดเรี่ยนให้แข็งแกร่งในเวลาไม่กี่ปี ชนชั้นสูงจึงพากันเข้าหาเขา เพราะอยากจะได้รับอำนาจจากเขาบ้าง แต่ดยุคเอเดเรี่ยนเป็นคนที่ค่อนข้างจะภักดีต่อองค์จักรพรรดิ เขาเชื่อว่าที่เขาได้มีทุกวันนี้ ที่เอเดเรี่ยนยิ่งใหญ่เป็นเพราะว่าเขาได้รับโอกาสจากองค์จักรพรรดิ  และแน่นอนว่าเมื่อราชโองการมาถึงคฤหาสน์เอเดเรี่ยน เขาไม่คิดแม้แต่จะปฏิเสธเลย ไฮโนคิดเพียงว่าจะจัดงานแต่งให้ยิ่งใหญ่มาก ให้สมเกียรติกับองค์หญิงผู้ถูกกล่าวขานว่าเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในจักรวรรดิ "เรา..ยังสามารถรักกันได้เซซิเลีย เจ้าแค่ต้องทำให้อำนาจของเอเดเรี่ยนตกอยู่ในมือของเจ้า ทีนี้เจ้าก็จะสามารถกลับมาเป็นจักรพรรดินีอย่างที่เจ้าใฝ่ฝันเอาไว้..." อาจจะเป็นเพราะว่าเราพัฒนาความสัมพันธ์จากเพื่อนวัยเด็กมาเป็นคนรัก นั่นทำให้โมเรย์คือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเธอ  เขาเป็นมากกว่าเพื่อน และก็เป็นมากกว่าคนรัก  ความฉลาดของเซซิเลียถูกบดบังไปจนหมดเมื่ออยู่ต่อหน้าโมเรย์ เธอฟังคำที่เขาพูดทุกคำ และทำตามทุกสิ่งที่เขาร้องขอ.. โมเรย์โอบกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน เขาพรมจูบเบาๆที่เรือนผมของเธออย่างรักใคร่ ราชตระกูลคอนราดนั้นคือตระกลูที่เก่าแก่มากทีเดียว เขาร่ำรวยมหาศาลและการช่วยเหลือราชวงศ์ก็ทำได้ไม่ยาก  แต่ที่เขาไม่ทำ เพราะบางอย่างมันควรจะทำในเวลาที่สมควร  "พี่ไปแล้วเหรอคะ?" โมเรย์หันไปมองหน้าของเซเวีย เขาโอบกอดเธอเอาไว้ก่อนจะพากันเดินเข้าไปที่คฤหาสน์ด้านหลังพระราชวัง เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าความบิดเบี้ยวในใจนี้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่  เขากับเซซิเลียเป็นเพื่อนกันมาก่อน และต่อให้ความสัมพันธ์ของเรามันพัฒนามาเป็นคนรักแต่เขาก็คิดว่าตัวเองนั้นมิอาจจะรักเธอได้สนิทใจ  เซซิเลียน่าเบื่อเกินไป เธอมีความคิดที่แสนจะโบราณและคร่ำครึ ผู้คนต่างอิจฉาที่เขาได้เพชรยอดมงกุฎที่แสนล้ำค่าเม็ดนี้ไปครอบครองแต่ไม่มีใครรู้หรอกว่า เซซิเลียนั้นน่ารำคาญแค่ไหน  สตรีที่วันๆเอาแต่อ่านหนังสือ ฝึกวิชาดาบ และเรียนอย่างเอาเป็นเอาตายมีอะไรน่าหลงใหลกัน สู้สตรีที่เก่งเรื่องการชงชา และการเอาใจเรื่องบนเตียงเก่งอย่างเซเวียก็ไม่ได้  เซเวียยกมือขึ้นมาโอบกอดโมเรย์เอาไว้... ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนที่เธอวางเอาไว้.. เซเวียนั้นน่ารักและงดงาม เพียงแต่ทุกสิ่งที่เธอพยายามทำแทบเป็นแทบตายกลับถูกพี่เซเลียกลบจนหมด ในงานสังคม งานเปิดตัว งานบรรลุนิติภาวะ คนที่เด่นที่สุดคือพี่สาวของเธอ  แทบจะไม่มีใครรู้จักองค์หญิงคนรองเช่นเธอด้วยซ้ำ แม้แต่ชื่อของเธอก็ประกอบไปด้วยตัวอักษรจากชื่อของพี่สาว เสด็จพ่อผิดหวังมากที่เธอเกิดมาเป็นองค์หญิงแทนที่จะเป็นองค์ชาย  ส่วนเสด็จแม่ไม่ต้องพูดถึงเลย เธอไม่อาจเข้าเฝ้าเสด็จแม่ได้ด้วยซ้ำ.. เพราะทุกคราที่เสด็จแม่เห็นหน้าเธอ ท่านจะร้องไห้พร้อมทั้งอาละวาดไม่หยุด... ราวกับพระราชวังที่กว้างใหญ่แห่งนี้ไม่มีที่ให้เธอยืนเลย มีเพียงพี่สาวของเธอที่เปล่งประกายและเจิดจ้าอยู่บนนั้น ความเจ็บปวดในใจก็บ่มเพาะออกมาเป็นความคับแค้นใจ และโมเรย์คือความหวังหนึ่งเดียวของเธอ เพราะเซเวียรู้ เธอรู้ว่าพี่รักเขาแค่ไหน รู้แม้กระทั่งว่าทั้งสองช่างเหมาะสมกันอย่างยิ่ง แผนการของเซเวีย เริ่มต้นจากการส่งเซซิเลียไปแต่งงานกับดยุคเอเดเรี่ยน ทีนี้เธอก็จะมีเวลาอยู่กับโมเนย์มากขึ้น  ความหวังเดียวของเซเวียคือทำลายพี่สาวของเธอ ในขณะที่เซซิเลียยื่นข้อเสนอให้โมเรย์เป็นคนรักเพราะเซซิเลียมีความหวังว่าตัวเองจะเป็นองค์จักรพรรดินีปกครองราชอาณาจักรแห่งนี้ นั่นหมายถึงว่าเซซิเลียจะเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดในจักรวรรดิ ส่วนโมเรย์เป็นเพียงคนที่จะต้องรับคำสั่งของภรรยาอีกที แต่เธอยื่นข้อเสนอให้โมเรย์เป็นองค์จักรพรรดิ แล

Updated at

Read Preview
องค์หญิงตัวปลอมคนนี้ ถึงทีต้องหาทางรอด

องค์หญิงตัวปลอมคนนี้ ถึงทีต้องหาทางรอด

Reads

"มะ..ไม่นะเพคะเสด็จพ่อ ได้โปรด..ได้โปรดเมตตาลูกด้วย!!!" เธอร้องขอและอ้อนวอนด้วยทุกอย่างที่มี ดาเนียนั่งลงบนพื้นที่เย็นเฉียบของห้องโถงรับรองในพระราชวัง เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาจับขาขององค์จักรพรรดิผู้เกรียงไกรแห่งจักรวรรดิฮาญา บุรุษสูงศักดิ์ที่เธอเรียกขานเขาว่าเสด็จพ่อ องค์จักรพรรดิปรายตามองใบหน้างดงาม แววตาของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา เขาหรี่ตาจ้องมองดรุณีน้อยที่เรียกเขาว่าพ่อด้วยสายตาดูแคลนและแค้นเคือง สายตาที่ไม่มีเยื่อใยใดๆทั้งสิ้น "นำนางไปแขวนคอซะ!! เอาศพของนางไปทิ้งให้ไกลจากพระราชวัง อย่าให้เลือดที่ต่ำช้าของนางเปรอะเปื้อนพื้นดินของจักรวรรดิฮาญา" "เสด็จพ่อ!! ทรงทำเช่นนี้มิได้นะเพคะ!!" หวาดกลัว เจ็บปวดและไร้ทางเลือก ร่างกายของดาเนียสั่นเทาไปด้วยความกลัวและความเสียใจ มือทั้งสองของเธอเปียกชุ่มไปด้วยเลือดที่ยังอุ่นอยู่ของท่านแม่ซึ่งเป็นจักรพรรดินีของจักรวรรดินี้ เธอคือองค์หญิงเพียงคนเดียวในบรรดาพี่ชายสองคนของจักรวรรดิ ดาเนียคือองค์หญิงผู้ที่มีแต่ขุนนางและเลดี้ชนชั้นสูงมาคอยเอาใจเพราะเธอคือแก้วตาดวงใจขององค์จักรพรรดิ เธอควรจะมีความสุขและยืนอยู่สูงส่งบนบัลลังก์สีทองนั่นสิ! มันควรจะเป็นเช่นนั้นถ้าหากความจริงไม่ถูกเปิดเผยออกมา... เธอมิได้มีสายเลือดของราชวงศ์เลย ท่านแม่ถูกบังคับให้แต่งงานกับองค์จักรพรรดิ ท่านแม่อภิเษกเข้ามาทั้งที่ตั้งครรภ์เธออยู่ แต่แล้วเธอผิด..ตรงไหนกัน? มีเหตุผลอะไรที่เธอสมควรตายในวันนี้ เรื่องของผู้ใหญ่ในอดีตเธอรู้เรื่องซะที่ไหนกันเล่า!! "พาสามีของข้ามาที!! ไปตามเคาน์เวสตินมาพบข้าเดี๋ยวนี้!" เธอนั่งอยู่บนแท่นประหารที่อยู่ใจกลางเมือง มีชาวบ้านมามุงดูการตายของเธอกันมากมาย บางคนก็โกรธแค้นด่าทอ ทว่าบางคนก็จ้องมองมาด้วยความเห็นใจ ดาเนียเลือกที่จะก้มหน้าลงเพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องมองเห็นสายตาเหล่านั้น มือทั้งสองข้างถูกมัดด้วยเชือก ใบหน้าที่เคยงดงามเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย เธอกำลังอยู่ในสภาพที่น่าเวทนามากที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นในใจของดาเนียยังคงมีความหวัง เธอหวังว่าท่านพ่อจะมีเมตตายกเลิกคำสั่งประหาร หรือไม่สามีของเธอก็น่าจะมาช่วยเธอสิ นาธานน่ะรักเธอที่สุดเลย เขาจะต้องยินยอมช่วยเหลือเธอเป็นแน่! "ให้ข้าสั่งเสียภรรยาเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเถิด" หยาดน้ำตาไหลลงมาจากดวงตาของดาเนียอีกครั้งเมื่อสามีโอบกอดเธอเอาไว้ "นาธาน ช่วยข้าด้วยเถอะ พาข้าหนีออกไปจากที่นี่ เจ้าทำได้ใช่ไหมที่รัก ข้ายังไม่อยากตาย.." เขาก้มหน้าไปกระซิบที่ข้างหูของเธออย่างแผ่วเบา "ช่วยงั้นหรือดาเนีย เจ้าทำให้ตระกูลของข้าเดือดร้อนมากแค่ไหนยังไม่รู้ตัวอีกงั้นหรือ ข้าอุตส่าห์คาดหวังว่าจะได้เป็นองค์จักรพรรดิ ถึงได้แต่งงานกับสตรีที่มีดีแค่ความงามเช่นเจ้า" "...นาธาน นี่มัน..หมายความว่ายังไง?" "หมายความว่าข้าจะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเจ้าเด็ดขาด ชีวิตที่ไร้ค่าของเจ้าไม่คู่ควรให้ข้าเอาชื่อเสียงของตระกูลเวสตินไปเสี่ยงหรอกนะ" นี่คือสามีที่เธอรักสุดหัวใจงั้นหรือ? อะไรกัน..เขากล้าทอดทิ้งเธอในยามที่ลำบากเช่นนี้ได้อย่างไร! "ทำตามหน้าที่ของพวกเจ้าเถิด ข้าสั่งเสียกับภรรยาเสร็จแล้ว!" เขาแสร้งยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา ท่าทางเสียใจปลอมๆ ของเขาทำเอาเธออยากจะลุกขึ้นไปตบหน้าเขาสักที! เหตุใดตัวเองถึงได้โง่งมเลือกเขามาเป็นสามีกันนะ! แต่ทว่าในยามนี้ดาเนียถูกเชือกที่เย็นเฉียบถูกสวมเข้ามาที่คอ นักบุญเป็นผู้ที่เดินเข้ามาหาเธอ บนใบหน้าของบุรุษที่สวมชุดสีขาวเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา เขาหยิบกระสอบผ้ามากระสอบคลุมศีรษะเธอเอาไว้ ก่อนจะจับจูงมือของเธอเพื่อพาเธอมายืนตรงแท่นประหาร หากทหารดึงคันโยก พื้นกระดานด้านล่างก็จะเปิดออก ร่างกายของเธอก็จะหล่นลงไปแล้วเชือกก็จะรัดคอเธอแน่นทำให้เธอขาดอากาศหายใจไปในที่สุด... ความตายอยู่ใกล้กว่าที่คิดเอาไว้ เธอมีความสุขมากซะจนคิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้ เรื่องราวมันเริ่มต้นตรงไหนกันนะ มันผิดพลาดมาตั้งแต่ตรงไหนกัน เสด็จแม่ตายในคมดาบของเสด็จพ่อ พระองค์กล้าที่จะฆ่าเสด็จแม่ต่อหน้าเธอ ดาเนียพยายามทำความเข้าใจเสด็จพ่อว่าที่ท่านทำลงไปทั้งหมดมันเป็นเพราะความรักที่มากมายในใจของท่าน.. เพราะรักมากจึงมิอาจทำใจได้เมื่อถูกทรยศ แต่กับเธอเล่า ถึงเธอจะไม่ใช่สายเลือดแต่ว่าท่านเป็นคนเลี้ยงเธอมา อีกทั้งเธอยังไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย!! ระหว่างเธอกับเสด็จพ่อมันไม่มีความผูกพันใดๆ เลยงั้นหรือ? ดาเนียหลับตาลง เธอกำลังตั้งใจฟังเสียงของบทสวดเพื่อภาวนาให้ตัวเองไม่ต้องมาพบเจอเรื่องเช่นนี้อีก หากว่าความตายคือจุดจบ เช่นนั้นเธอก็เดินทางมาถึงมันแล้ว... แต่ทว่าเธอตายโดยที่ตัวเองมิได้กระทำความผิด เธอตายเพียงเพราะว่าเธอคือองค์หญิงตัวปลอม... แล้วใครกันนะที่เป็นคนเปิดโปงเรื่องนี้ เสด็จพ่อทรงทราบเรื่องที่เสด็จแม่ปกปิดเอาไว้ได้อย่างไร ในหัวพลันนึกถึงนักการทูตที่เดินทางมาจากเมืองแอชตัน เธอคิดว่าเธอรู้แล้วว่าเพราะอะไร สตรีที่เดินทางเข้ามาพร้อมกับทูตมีเส้นผมสีเงินเหมือนกับท่านพี่ไคแลน นางคงจะเป็นสายเลือดที่แท้จริงของท่านพ่อสินะ แต่ทว่ารู้แล้วอย่างไร รู้ความจริงแล้วอย่างไรเล่าในเมื่อชีวิตของเธอเดินทางมาถึงจุดจบแล้ว ลมหายใจสุดท้ายถูกพรากไปจากดาเนีย สิ่งต่อมาที่เธอเห็นนั่นคือความว่างเปล่าที่มืดมิด.... "เฮือก!" ดาเนียสะดุ้งตื่นขึ้นมาบนเตียง เธอกำลังหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อหอบเอาอากาศเข้าปอด แสงแดดในยามเช้าสาดส่องเข้ามาพร้อมกับสาวใช้ที่ยืนเรียงรายกันเต็มข้างเตียง เธอปรายตามองหน้าสาวใช้ทุกคนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม "น่าแปลกที่วันนี้องค์หญิงตื่นจากบรรทมไวกว่าทุกวันนะเพคะ" คาริวางอ่างล้างหน้าเอาไว้ข้างเตียงก่อนจะส่งผ้าขนหนูให้องค์หญิงของเธอได้เช็ดหน้า "นี่มัน...อะไรกัน?" ดาเนียยกมือขึ้นมานวดขมับเบาๆ เพราะเธอปวดหัวจนแทบบ้า! "ไม่สบายหรือเพคะ รีบไปตามหมอหลวงมาเร็วเข้า!" ไม่สบายงั้นหรือ เธอตายไปแล้วจะมาป่วยอะไรกัน? "ดาเนียลูกรักของพ่อ!! เจ้าไม่สบายงั้นหรือ!!" ดาเนียปรายตามองใบหน้าของชายชราที่วิ่งมาหาเธอด้วยท่าทีเร่งรีบ มีหมอหลวงหลายคนวิ่งตามพระองค์เข้ามาอย

Updated at

Read Preview

Navigate with selected cookies

Dear Reader, we use the permissions associated with cookies to keep our website running smoothly and to provide you with personalized content that better meets your needs and ensure the best reading experience. At any time, you can change your permissions for the cookie settings below.

If you would like to learn more about our Cookie, you can click on Privacy Policy.