แผนเปิ่นป่วนใจ พี่ชายสายคูล(The plan to annoy the cool guy)
READING AGE 18+
ทุกมหา’ลัยมีดาวเด่น และทุกดาวเด่นย่อมมีวงโคจรที่ยากจะเข้าถึงสำหรับ “ธันวา” ปี 4 วิศวะเครื่องกลหัวหน้าชมรมกีฬา ผู้ชายที่ยืนเฉย ๆ ก็ชนะใจคนทั้งคณะอยู่แล้วความคูลของเขาไม่ใช่แค่ความหล่อแต่คือความนิ่งเนียบและจริงจังชนิดที่แม้แต่ลมหายใจก็ดูมีจังหวะน่าฟัง ส่วนเธอ “พิมพ์พิสาข์” ปี 1 คณะสถาปัตย์เด็กใหม่ที่ซุ่มซ่ามระดับตำนานเดินชนประตูยังไงให้ดังทั้งตึกได้เธอก็ทำมาแล้ว วันเปิดเทอมแรก พิมวิ่งชนธันวาจนแฟ้มของเขาร่วงกระจายเสียง “ระวัง” ที่เรียบมากจนแทบไร้อารมณ์กลับกลายเป็นเสียงที่ดังก้องในหัวเธอตลอดทั้งคืนตั้งแต่วินาทีนั้นพิมตั้งเป้าหมายในชีวิตมหา’ลัยไว้ ข้อหนึ่ง “ฉันจะทำให้พี่คูลคุยกับฉันเกินสามประโยคให้ได้!” และเพราะเธอเป็นคนที่เวลาอยากทำอะไรสักอย่างก็ทุ่มสุดตัวแผนจีบพี่คูลจึงถือกำเนิดขึ้นพร้อมความพังทลายเป็นระยะๆ แบบที่เธอคุ้นเคยดี แผนแรกง่ายๆ ขอไลน์ส่วนตัวแต่พี่คูลให้ไลน์ “กลุ่มชมรมกีฬา” มาแทนจบข่าว! แผนถัดมาทำแก้วน้ำหกใส่เขาเพื่อเปิดบทสนทนาผลคือหกใส่ตัวเองจนเปียกทั้งชุดดีนะที่เขายื่นทิชชู่มาให้พร้อมคำว่า “ซุ่มซ่าม” ใช่ค่ะพี่ หนูรู้ตัว! แต่ต่อให้พลาดสักกี่ครั้งพิมก็ไม่ถอยเพราะเธอเริ่มรู้แล้วว่าความคูลของเขาไม่ใช่กำแพงแต่เป็นภาษาอีกแบบหนึ่งที่ต้องค่อยๆ เรียนรู้เมื่อได้รู้ว่าธันวาเป็นหัวหน้าชมรมกีฬาพิมก็สมัครเป็นทีมงานทันที ทั้งที่เธอแทบจะแยกไม่ออกว่าลูกบอลกีฬาชนิดไหนควรเตะหรือควรโยนแต่ความมุ่งมั่นของเธอทำให้คนรอบข้างเริ่มมองเห็นและที่สำคัญทำให้ธันวาเริ่ม “สังเกต” เธอโดยไม่รู้ตัวจากคำว่า “น้องปีหนึ่ง” กลายเป็น “พิม” จากสายตานิ่งๆ ที่ดูอ่านยากกลายเป็นสายตาที่อุ่นขึ้นทีละนิดในเวลาที่เธอไม่ทันระวังตัว ระหว่างเส้นทางของความวุ่นวายอันหอมหวานพิมไม่ได้เดินคนเดียว “แยม” เพื่อนสาวสายปั่นผู้เป็นทั้งโค้ชทั้งแม่ทูนหัวและทั้งไมค์โครโฟนประกาศความเขิน ช่วยวางแผนทุกเช้าเย็นส่วน “กันต์” เพื่อนสนิทของธันวาคือตัวป่วนที่เหมือนเข้าใจภาษาหัวใจของทั้งสองฝ่ายมากกว่าคนเป็นเจ้าของหัวใจเองเขาคอยจัดฉากแบบพอดีๆ เช่น จงใจดึงเก้าอี้ให้พิมไปนั่งข้างธันวาโยนงานคู่ให้ทำด้วยกัน หรือยื่นชานมรสโปรดของพิมให้ธันวาโดยบอกว่า “ของเธอ” เพื่อดูปฏิกิริยาเล่นๆ แต่ผลลัพธ์คือโลกทั้งใบของพิมหมุนเร็วขึ้นทุกครั้ง ถ้าจะมีการเดินหน้าก็ต้องมีแรงต้าน “มิว” รุ่นพี่สาวสวยที่เคยยืนอยู่ในอดีตของธันวาความสนิทชิดเชื้อของเธอคือเงาที่ลามทับใจพิมแบบเงียบๆ เงาที่ทำให้เด็กปีหนึ่งตัวเล็กๆ ต้องเรียนรู้ว่าการชอบใครสักคนไม่ใช่การแข่งขันเพื่อชนะใครอีกคน แต่คือการชนะใจตัวเองให้มั่นคงพอที่จะยืนอยู่ใกล้คนคนนั้นโดยไม่สั่นคลอนเรื่องราวของพิมและธันวาค่อยๆ เติบโตจากความเปิ่นที่ทำให้เขาหลุดยิ้ม ไปสู่ความผูกพันที่เกิดจากการลงแรงทำงานด้วยกันจริงๆ พิมค้นพบว่าธันวาไม่ใช่คนเย็นชาเพียงแต่พูดสั้นและซ่อนความอ่อนโยนไว้ในการกระทำเล็กๆ เช่น ดึงเธอหลบฝน ยื่นร่มให้เดินไปส่งถึงตึกหยิบไฟฉายให้ยามไฟดับจัดมือให้จับค้อนอย่างถูกวิธีหรือแค่พูด “ระวัง” ด้วยน้ำเสียงเรียบที่กลับทำให้หัวใจเธอเต้นแรงแบบควบคุมไม่ได้ และในวันที่เธอเกือบโดนคนแปลกหน้าตามราวีในลานจอดรถธันวาก็เดินเข้ามาจับข้อมือเธอแน่นแล้วพูดคำสั้นๆ ว่า “ไป” คำสั้นๆ ที่มีความหมายยาวกว่าเรียงความทั้งเล่มพิมเริ่มเข้าใจว่าสำหรับธันวา การปกป้องไม่จำเป็นต้องประกาศเสียงดังการนั่งลงเงียบๆ ตรงข้ามเธอในโรงอาหารตอนมีคนพูดลับหลังหรือการบอกว่า “เธออยู่ทีมผม” ต่อหน้าคนทั้งชมรมนั่นแหละคือภาษาของเขาแต่ความรักที่กำลังก่อตัวไม่ใช่เรื่องหวานล้วนวันหนึ่งธันวาตัดสินใจเล่า “อดีตที่เจ็บ” อดีตที่ทำให้เขาเข้าสู่โหมดเงียบลึกและไม่เปิดใจให้ใครง่ายๆ พิมไม่ถามซอกแซกไม่เร่งรัดเธอเพียงนั่งฟังอย่างตั้งใจจับมือเขาเบาๆ และบอกว่า “พิมไม่ใช่คนที่จะทิ้งง่ายๆ” ความเงียบที่ตามมาไม่ใช่ความอึดอัดแต่มันคือเสียงของหัวใจที่กำลังคลายปมตัวเองอย่างช้าๆ จากการเรียกชื่อ “พิม” กลายเป็น “พิมมี่” จากการชวนคุยเรื่องงาน กลายเป็นการชวนออกไปกินข้าวจากการตอบแชทสั้นๆ กลายเป็นข้อความก่อนนอนว่า “พักผ่อนด้วย” และในที่สุดคำพูดที่พิมเฝ้ารอ “พี่ชอบพิม” ก็หลุดออกมาจากปากของคนที่เธอตกหลุมรักมาตั้งแต่วันแรกที่ชนแฟ้ม การคบกันของคนสองคนในโลกจริงไม่ใช่ภาพการ์ดสีชมพูมันมีเวลาไม่ตรงกันมีงาน มีเรียนมีความเหนื่อยล้ามีความเข้าใจผิดเรื่องเล็กๆ ที่หากปล่อยทิ้งไว้ก็อาจกลายเป็นรอยแยกใหญ่แต่พิมกับธันวาเรียนรู้วิธี “พูดตรงๆ” และ “ง้ออย่างจริงใจ” ธันวาอาจยังคงเงียบแต่เขาเงียบที่มีการกระทำพิมอาจยังคงเปิ่นแต่เธอเปิ่นที่ตั้งใจและซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองเสมอ พวกเขาไปเที่ยวต่างจังหวัดในทริปชมรมดูดาวภายใต้ท้องฟ้าที่ใสกว่าคืนไหนๆ ธันวาชี้ให้ดูหมู่ดาวโปรดโดยไม่ได้สาธยายฟังก์ชันหรือชื่อวิทยาศาสตร์ยาวเหยียด มีเพียงประโยคสั้นๆ ที่ทำให้หัวใจพิมลอยขึ้นเหนือทุ่งหญ้า “เวลาเงยหน้ามองสิ่งเดิมๆ ทุกคืนมันช่วยย้ำว่าบางอย่างในชีวิตก็มั่นคงได้เหมือนกัน” เมื่อวันเวลาผ่านไปพวกเขาเริ่มคุยเรื่องอนาคตอย่างจริงจังพิมอยากเปิดคาเฟ่เล็กๆ ที่อบอุ่นเหมือนบ้านธันวาชายหนุ่มสายวิศวะที่เหมือนจะอยู่กับเหล็กและตัวเลขกลับค่อยๆ วาดภาพชั้นวางหนังสือมุมอ่านเงียบโต๊ะไม้ที่แสงตกกระทบพอดีบอกว่า “ถ้าเธอทำจริงให้พี่ช่วยออกแบบ” นั่นไม่ใช่คำขอแต่งงานแต่เป็นคำขอ “อยู่ด้วยกันในทุกวันธรรมดา” ต่างหาก ผู้ชายคูลๆ ก็หึงเป็นนี่คือความจริงตลกที่พิมค้นพบเมื่อเพื่อนต่างคณะมาขอถ่ายรูปพอเธอยิ้มให้กล้องธันวาเพียงมองนิ่งๆ แล้วพูดเรียบๆ ว่า “ลบได้ไหม” เธอหัวเราะเพราะในความนิ่งนั้นเต็มไปด้วย “ของฉัน” ที่เขาไม่พูดออกมาให้ใครฟัง และเมื่อถึงวันครบรอบหนึ่งปีธันวาจัดเซอร์ไพรส์เล็กๆ ในสนามกีฬาไฟสายเล็กสะท้อนคำว่า “ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตพี่” พิมน้ำตาซึมแต่หัวเราะทันทีเมื่อเห็นตุ๊กตาเป็ดที่เขายื่นให้ “ให้เธอชนมันได้”ของขวัญที่ยืนยันว่าเขาฟังทุกเรื่องเล็กๆ ของเธอจริงๆ แม้กระทั่งเรื่องตลกในวัยเด็กที่เธอเคยวิ่งหนีฝูงเป็ดจนล้ม
Unfold
📚 ꕀ .* ♥︎₊˚⟢⊹
🔆 เช้าวันออกเดินทาง
เมืองยังเงียบ ๆ รถของธันวาแล่นบนถนนที่เพิ่งโดนฝนเมื่อคืน กลิ่นดินชื้น ๆ ลอยเข้ามาพร้อมเพลงเบา ๆ พิมมัดผมหางม้า หลับตาพิงพนัก รอยยิ้มไม่หายไปตั้งแต่งานแต่ง
“ง่วงไหม” เขาถาม มือซ้ายคุมพวงมาลัยนิ่ง
“ไม่ค่ะ ตื่นเต้น” เธอย่นจมูก “ฮันนีมูนทริปแรกของเรา ในฐานะสามีภรร……
Dear Reader, we use the permissions associated with cookies to keep our website running smoothly and to provide you with personalized content that better meets your needs and ensure the best reading experience. At any time, you can change your permissions for the cookie settings below.
If you would like to learn more about our Cookie, you can click on Privacy Policy.
Waiting for the first comment……