CHAPTER 2 “บังเอิญพบ”

เวลาแห่งรัก : Time of love 2976 words 2024-05-12 11:01:28

กริ๊ง…เสียงกระดิ่งหน้าประตูร้านกาแฟแห่งหนึ่งใจกลางย่านลาดพร้าวดังขึ้น พร้อมกับเสียงพนักงานกล่าวต้อนรับลูกค้าประจำที่กำลังเดินเข้ามาด้านในร้าน


‘เต’ ชายหนุ่มมาดนิ่งรูปร่างสมส่วนในชุดสูทเต็มยศ เดินล้วงกระเป๋าเข้ามาด้านในร้านด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้น 1 นิ้วให้กับพนักงาน แทนการสั่งเมนูประจำของตัวเอง แล้วเดินไปนั่งลงที่โต๊ะริมหน้าต่างใกล้กับประตูทางเข้าร้าน


ร้านกาแฟแห่งนี้ จัดวางที่นั่งเป็นรูปแบบกึ่งร้านอาหาร ที่นั่งริมหน้าต่างจะเป็นเก้าอี้บูธที่มีลักษณะพนักพิงสูงเลยศรีษะคนนั่ง เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกค้าแต่ละโต๊ะ ส่วนพื้นที่โล่งส่วนอื่น ๆ ของร้าน จะเป็นชุดโต๊ะเก้าอี้ธรรมดา ที่ถูกจัดวางไว้ให้มีระยะห่างพอประมาณในแต่ละชุด


เตชอบมาใช้บริการร้านกาแฟร้านนี้เป็นประจำ เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานและไม่ไกลจากคอนโดที่พักชั่วคราวของเค้า และนอกจากร้านนี้จะเป็นร้านกาแฟแล้ว ยังมีอาหารให้บริการแบบเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นอาหารจานเดียวหรืออาหารเป็นชุดสำหรับลูกค้าที่มากันหลายคน


ระหว่างที่เตนั่งรอเครื่องดื่ม เสียงกระดิ่งหน้าประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับหญิงสาวตัวเล็กในชุดสูทกางเกงขาสั้น ผมที่ยาวเกือบถึงเอวถูกปล่อยสบาย ๆ ไม่มีการจัดแต่งทรง เธอเดินเข้ามาด้านในร้านพร้อมกับค่อย ๆ ถอดแว่นกันแดดสีดำที่สวมไว้ลง จนเมื่อสั่งเครื่องดื่มด้านหน้าเคาน์เตอร์เสร็จเรียบร้อย เธอก็สวมแว่นกลับเข้าไปอีกครั้ง และเดินผ่านโต๊ะของเตไปนั่งที่โต๊ะด้านหลัง โดยนั่งหันหลังชนกันกับเค้าพอดี


ไม่นานนักก็มีชายหนุ่มรูปร่างกำยำในชุดเสื้อยืดแขนยาว กางเกงเข้ารูป เดินเข้ามาในร้านและมุ่งตรงไปนั่งตรงข้ามกับหญิงสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาไม่นาน โดยไม่ได้เดินไปสั่งเครื่องดื่มเพิ่มเติมที่หน้าเคาน์เตอร์ และแม้ว่าเตจะไม่ได้อยากแอบฟังบทสนทนาของทั้งคู่ แต่ด้วยระยะที่ใกล้กันก็ทำให้เค้าได้ยินมันอย่างชัดเจน


‘ได้ข่าวว่าเพิ่งแลนด์ ไม่ง่วงรึไงถึงนัดออกมาเจอเนี่ย’ เสียงหญิงสาวคนนั้นเอ่ยถาม


‘โอ๊ยมึง กูนอนเมื่อไหร่ก็ได้แล้วป่ะตอนนี้ เรื่องมึงสำคัญกว่าเยอะ’ เตยิ้มให้กับคำตอบของชายหนุ่ม


‘ทำไม พี่เกื้อเปิดตัวนางที่ญี่ปุ่นหรอ ถึงได้เดือดร้อนแทนกูขนาดนี้’ เตสะดุดหูกับชื่อของบุคคลที่สามในบทสนทนา แม้จะมีคนชื่อนี้เยอะ แต่มันก็ทำให้เตย้อนไปนึกถึงอดีตเพื่อนสนิทคนนึงที่เคยรักกันมาก


‘มันก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรตลอดไฟลท์ ถ้ากูไม่บังเอิญเดินผ่านแล้วได้ยินเค้านัดกันมากินข้าวที่นี่ กูถึงต้องรีบลากมึงออกมาจากเตียงนี่แหละ ถ้าได้หลักฐานวันนี้ มึงจะได้หลุดพ้นจากชายโฉดหญิงชั่วคู่นี้ซักที’ เสียงชายคนนั้นตอบ เมื่อได้ยินดังนั้นเตจึงหยิบแว่นกันแดดที่เสียบไว้ด้านหน้ากระเป๋าเสื้อสูทขึ้นมาใส่ แม้จะไม่รู้ว่าใช่คนเดียวกับที่คิดมั้ย แต่เตก็อยากกันไว้ก่อน เพราะเค้ายังไม่อยากเจอเพื่อนเก่าในตอนนี้


‘เชส...ถ้าเค้ามาด้วยกันจริง ๆ กูยังไม่บอกเลิกวันนี้นะ’ เตสะดุดกับคำพูดของหญิงสาวคนนั้นอีกครั้ง


‘ทำไมวะ โอกาสมาถึงมึงจะปล่อยให้หลุดมือหรอ ไหนบอกว่าถ้าจับได้จะเลิกไง’ เตเห็นด้วยกับสิ่งที่เชสพูด


‘ใจเย็น ๆ มึง กูไม่ได้บอกว่าจะไม่เลิก แต่กูอยากให้มันเป็นเรื่องของกูกับพี่เกื้อเท่านั้น ถ้าบอกเลิกวันนี้เลย ยัยมินินั่นก็ต้องอยู่ด้วย กูไม่อยากมีเรื่องกับนาง ไม่ได้อยากเป็นข่าวดังว่าผู้หญิงมาตบกันแย่งผู้ชาย ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วกูไม่ได้อยากแย่งกลับมาด้วยซ้ำ’ เตยิ้มให้กับคำอธิบายของหญิงสาว


‘โอเคเข้าใจได้ งั้นกูบันทึกเสียง มึงบันทึกภาพ โอเคมั้ย’ เชสถาม


‘ก่อนมึงจะคิดไปถึงขั้นนั้น มึงต้องมั่นใจก่อน ว่าเค้าจะเดินมานั่งใกล้มึง’ หญิงสาวหัวเราะ


‘กูว่าเค้าต้องนั่งที่นั่งแบบพวกเรานี่แหละ กันไม่ให้ใครเห็น แล้วข้างหลังมึงก็เต็มแล้ว เหลือข้างหลังกู กับริมหน้าต่างฝั่งนั้นที่ติดถนน มันโจ่งแจ้งเกินไป เชื่อกูว่าไอ้พี่เกื้อต้องนั่งหลังกูแน่นอน’ เชสตอบด้วยความมั่นใจ


ทั้งสองหยุดการพูดคุยไว้เมื่อพนักงานยกเครื่องดื่มและขนมมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ไม่นานเสียงกระดิ่งหน้าร้านก็ดังขึ้นอีกครั้ง และอย่างที่เตคาดเดา ผู้ชายที่เดินเข้าร้านมาพร้อมกับผู้หญิงในชุดเดรสกระโปรงสั้นเข้ารูปตรงหน้าคืออดีตเพื่อนสนิทของเค้าคนนั้นจริง ๆ แม้จะไม่ได้เจอกันตั้งแต่ปี 1 แต่เค้าก็จำได้ไม่เคยลืม


‘วันนี้พี่เกื้อไม่ไปค้างกับมินิจริง ๆ หรอคะ’ เสียงพูดคุยระหว่างหนุ่มสาวสองคนดังขึ้นเมื่อทั้งคู่กำลังเดินผ่านโต๊ะของเตไปนั่งด้านหลังของเชสอย่างที่เชสหวัง โดยที่เกื้อและมินิไม่ได้สังเกตเห็นเชสและซินที่นั่งมองออกไปด้านนอกหน้าต่างเลยแม้แต่น้อย


‘ไปญี่ปุ่นก็อยู่ด้วยกันแทบจะ 24 ชั่วโมงแล้ว ยังไม่พอใจอีกหรอ พี่ต้องให้เวลาซินบ้าง เดี๋ยวซินก็สงสัยกันพอดี เราเองก็ต้องระวังตัวบ้างรู้มั้ย เพลา ๆ เรื่องแลกไฟลท์บ้าง ถ้าจะแลกไฟลท์ยาว ๆ พี่ไม่ว่า แต่ควิกเทิร์นไม่ต้องแลกได้มั้ย มันน่าสงสัยเกินไป แลกไปเราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน’ เตได้ยินคำตอบของเกื้อแล้วทำให้เค้ารู้สึกโกรธอดีตเพื่อนสนิทคนนี้แทนผู้หญิงอีกคนจริง ๆ


เสียงพูดคุยของเกื้อและมินิเบาลงจนเตไม่สามารถจับใจความอะไรได้อีก แม้กระทั่งเสียงของโต๊ะหลังทั้งสองคนก็เงียบไปเช่นกัน


ครืด...ครืด...เสียงสั่นจากโทรศัพท์ของเตดังแทรกความเงียบขึ้น เตรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายจากเลขาส่วนตัวทันที เพราะกลัวว่าทุกคนจะหันมาให้ความสนใจตัวเองแทน


‘คุณเตคะ คุณพีระที่นัดไว้ จะมาถึงก่อนเวลาหนึ่งชั่วโมงค่ะ เค้าโทรมาแจ้งเมื่อซักครู่นี้เอง แต่ถ้าคุณเตติดธุระ เค้ารอได้นะคะ’ คุณนิ่ม เลขาส่วนตัวของเตรายงาน


“ผมอยู่ใกล้ ๆ นี่แหละครับ เดี๋ยวผมเข้าไปเลย” เตตอบรับและกดตัดสาย ก่อนจะลุกไปจ่ายเงิน ออกจากร้านและขับรถกลับเข้าไปที่ออฟฟิตเพื่อคุยงานต่อ แม้จะอยากรู้เรื่องราวของอดีตเพื่อนรักมากแค่ไหน แต่เรื่องงานก็สำคัญกว่ามากในตอนนี้


เตใช้เวลาไม่กี่นาที ก็กลับมาถึงที่บริษัท เค้าเดินตรงมุ่งหน้าขึ้นไปชั้นบนของตึกเพื่อเตรียมความพร้อมทันที


“นิ่มเตรียมข้อมูลวางไว้บนโต๊ะให้แล้วนะคะ คุณเตจะให้เตรียมกาแฟมั้ยคะ” เตพยักหน้าตอบเลขา


“เตรียมไว้แล้วเอาเข้าไปพร้อมกับตอนที่คุณพีระมาเลย ระหว่างคุยผมไม่รับแขกและไม่รับโทรศัพท์นะครับ ถ้ามีเรื่องอะไรด่วนคุณจัดการได้เลย” นิ่มพยักหน้ายิ้มตอบ


เตเปิดประตูเดินเข้าไปรอลูกค้าด้านในห้องที่มีป้ายชื่อ ‘ตรีทศ เตชรัตนจินดา ประธานบริษัท’ ติดไว้


บริษัท TRJ Real Estate เป็นบริษัทของครอบครัวเต ที่ก่อนหน้านี้มีคุณตรินพ่อของเตเป็นประธานบริหารอยู่ หลังจากเตเรียนจบ ก็เข้ามารับช่วงบริหารบริษัทต่อ โดยมีพ่อคอยให้คำปรึกษาอยู่ในช่วงสองปีแรก แต่ตอนนี้คุณตรินได้มอบหมายให้เต ลูกชายคนเดียวของเค้าขึ้นบริหารเองอย่างเต็มตัวแล้ว


บริษัท TRJ Real Estate ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ทั้งซื้อ ขาย และให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ทุกรูปแบบ โดยครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเป็นส่วนใหญ่ และตอนนี้กำลังขยายออกไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดที่เป็นเมืองหลัก ๆ ของแต่ละภาค ภายใต้การบริหารงานของเต


ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...เสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อเตขานรับกลับไป ประตูก็ถูกเปิดออกตามด้วยคุณพีระ ลูกค้าวัยเกษียณที่ติดต่อขอเข้าพบเตไว้ในวันนี้


“เชิญนั่งครับคุณพีระ ผมตรีทศครับ เรียกเตเฉย ๆ ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เตเดินอ้อมโต๊ะทำงานออกมาจับมือกับคุณพีระที่นั่งอยู่ที่โซฟารับแขกในห้อง


“ยินดีเช่นกันครับ งานนี้คงต้องรบกวนคุณเตอย่างหนักเลยครับ เพราะเรื่องที่มาคุยวันนี้ค่อนข้างใหญ่พอสมควร” คุณพีระยิ้มด้วยความเกรงใจ


“ไม่ต้องกังวลครับ ผมดูรายละเอียดบางส่วนแล้ว เดี๋ยวจะพยายามช่วยอย่างเต็มที่เลย” เตยิ้มตอบ


“อย่างที่คุณเตทราบเบื้องต้น อสังหาฯ ที่ผมอยากขายออกคือ สนามแข่งรถครับ จริง ๆ ที่ผ่านมามันค่อนข้างทำกำไรให้ผมเป็นอย่างดีมาตลอด แต่ผมเองก็ไม่ได้มีลูกหลานที่จะมาสืบต่อธุรกิจนี้ และตัวผมเองตอนนี้ก็คงจะทำต่อไม่ไหว ผมเลยอยากประกาศขายมันไปให้คนอื่นเข้ามาดูแลแทนครับ” คุณพีระอธิบาย


“ต้องเรียนตามตรงนะครับ ว่าตั้งแต่รับช่วงต่อเข้ามาดูแลบริษัทแทนคุณพ่อ ผมยังไม่เคยขายสนามแข่งรถเลย” เตหัวเราะ “ผมเข้าใจเหตุผลในการขายของคุณนะครับ แต่ด้วยขนาดของตัวสนามเองและราคาที่ค่อนข้างสูง เราอาจจะหาคนรับซื้อได้ค่อนข้างยาก เพราะมันเป็นลูกค้าเฉพาะกลุ่ม” เตเอ่ยต่อ


“ราคาที่ผมตั้งไว้ จริง ๆ ถ้าเทียบกับเงินลงทุนผมแทบไม่ได้อะไรเลยนะครับ คุณเตก็รู้ว่าอสังหาฯ ราคามันขึ้น ถ้าให้ผมลดราคาขายลง หลังจากหักเปอร์เซ็นต์จากคุณเต ผมคงไม่คืนทุนแน่ ๆ” พีระตอบ


“อสังหาฯ ราคามันมีทั้งขึ้นและลงนะครับ ถ้าเป็นที่อยู่อาศัย ผมยอมรับว่าราคามันขึ้น แต่นี่เป็นสนามแข่งรถ มันมีการใช้งานอย่างหนักมาตลอด และพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นถนนไม่ใช่สิ่งปลูกสร้าง การจะดีดราคาให้สูงขึ้นมันจะทำให้เราขายยาก


อีกอย่างกลุ่มลูกค้าที่จะลงทุนซื้อสนามแข่ง มันมีอยู่น้อย พวกทีมแข่งมาตรฐานใหญ่ ๆ เค้าก็มีสนามเป็นของตัวเองทั้งนั้น หรือถ้ามีคนยอมซื้อจริง ๆ เค้าต้องลงทุนอีกเท่าไหร่ถึงจะได้ทุนคืน ถ้าเราปล่อยในราคานี้ คุณอาจจะขายไม่ได้เลยด้วยซ้ำนะครับคุณพีระ” เตพยายามต่อรอง


“ผมให้คุณขายได้ต่ำสุดที่ 450 ล้านครับ ถ้าต่ำกว่านี้ ไม่ไหวจริง ๆ” คุณพีระเริ่มต่อรอง


“คุณปัดเศษลงให้ผม 5 ล้านเนี่ยนะครับ” เตหัวเราะ “ผมแนะนำว่า คุณประกาศขายเองแบบรอเวลาดีกว่านะครับถ้าจะขายราคานี้ ถึงคุณให้เวลาผม 2 ปี ผมยังไม่รู้เลยว่าเราจะขายได้มั้ยในสภาพเศรษฐกิจแบบตอนนี้” เตดันซองเอกสารตรงหน้าคืนกลับให้คุณพีระไป


“ผมประกาศขายเองมาปีกว่าแล้วครับ พยายามทุกทางแต่มันเงียบมากจริง ๆ ไม่งั้นผมคงไม่มาหาที่พึ่งอย่างคุณแน่นอน คุณเตช่วยผมหน่อยเถอะนะครับ” เตส่งยิ้มให้คุณพีระ


“จากที่ผมศึกษาข้อมูลของสนามแข่งคุณ เงินลงทุนที่คุณลงกับสนามแข่งนี้ไปรวมราคาที่ดิน มันไม่ถึง 200 ล้านด้วยซ้ำนะครับ” พีระเริ่มหน้าเสีย “คุณต้องไม่ลืมว่าสนามแข่งรถของคุณที่คุณกำลังจะขาย ถึงมันจะได้มาตรฐาน แต่มันใช้แข่งรายการใหญ่ไม่ได้ มันอาจจะได้แค่ใช้ซ้อม หรือแข่งรายการเล็ก ๆ เท่านั้น แถมจำนวนพิตที่มีให้ในสนาม มันก็ไม่ได้มากมายพอที่จะรับทีมแข่งได้หลายทีม ผมพูดถูกมั้ยครับ” เตถามกลับ


“คุณรู้เรื่องสนามแข่งรถดีเหมือนกันนะครับ” พีระยิ้มเจื่อน


“ผมต้องศึกษาทุกอย่างที่จะซื้อและขาย หรือปล่อยให้เช่าครับ ผมไม่ทำธุรกิจที่ทำแล้วไม่ได้กำไร หรือขาดทุน มันค่อนข้างเสียเวลา” เตยิ้มตอบ


“จริง ๆ ถ้าลูกชายผมไม่มาเสียไปก่อน ผมคงให้ลูกชายดูแลต่อ ไม่เอามาขายแบบนี้หรอกครับ นี่ผมไม่ได้มีทายาทมาสืบทอดอะไรแล้ว ผมถึงตัดสินใจขายมันไป เพราะดูแลต่อไม่ไหว” พีระเริ่มเรียกคะแนนสงสาร


“นี่คือราคาที่ผมคิดว่าเหมาะสม และน่าจะพอขายได้ ตัวเลขที่คุณเห็นไม่รวมกับส่วนของบริษัทนะครับ มันเป็นตัวเลขที่คุณจะได้รับ ถ้าคุณโอเคกับราคานั้น ผมก็จะช่วยขายต่อให้” เตยื่นข้อเสนอออกไป


“คุณ!! 200 ล้านเนี่ยนะครับ” พีระถามเสียงดัง “มันน้อยกว่าครึ่งนึงของราคาที่ผมเสนอไปอีกนะครับคุณเต คุณกดราคาผมเกินไปรึเปล่า” พีระถามต่อ


“ผมประเมินตามสภาพจริงครับ สนามของคุณถ้ามีคนยอมซื้อต่อ เค้าต้องปรับปรุงอีกมาก คุณคิดว่าจะมีซักกี่คนที่จะยอมซื้อมัน ผมให้ได้แค่ตัวเลขนี้จริง ๆ ถ้าคุณไม่ตกลงผมก็คงช่วยไม่ได้” เตยืนยัน


“คุณลองกลับไปคิดดูก่อนก็ได้นะครับ ทางผมเองก็ยังไม่มีใครติดต่อเข้ามาถามซื้ออสังหาฯ รูปแบบนี้ คงจะมีเวลาให้คุณคิดอีกนาน” เตเอ่ยย้ำ “ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรแล้ว ผมคงต้องขอตัวเลยนะครับ เดี๋ยวมีพบลูกค้าต่ออีกราย” เตลุกจากโซฟาเตรียมหมุนตัวเดินกลับเข้าไปด้านในโต๊ะทำงาน


“เดี๋ยวครับคุณเต” เตยกยิ้มมุมปากเบา ๆ ก่อนจะหันกลับไปหาพีระอีกครั้ง “ผมยอมรับข้อเสนอนี้ก็ได้ครับ”


“คุณพีระคิดดูก่อนได้นะครับ จะลองไปติดต่อบริษัทอื่นดูก่อนก็ได้ ผมไม่อยากกดดัน” เตนั่งลงที่เดิมอีกครั้ง


“ผมลองไปติดต่อบริษัทอื่นมาบ้างแล้วครับ แต่ไม่มีที่ไหนรับ” พีระตอบเสียงอ่อน “ผมตกลงรับยอดตามที่คุณเสนอมาครับ ถ้าคุณมั่นใจว่ายอดนี้คุณจะขายมันได้จริง ๆ”


“ดีใจที่คุณเชื่อมั่นในบริษัทของเรานะครับ ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ยังไงผมจะให้เจ้าหน้าที่ติดต่อไปเรื่องทำสัญญาอีกครั้งนะครับ” เตลุกขึ้นยื่นมือไปจับมือกับคุณพีระ


“ผมเชื่อมั่นในตัวคุณครับ ฝากด้วยนะครับคุณเต” เตยิ้มตอบพร้อมกับเอ่ยลาคุณพีระเล็กน้อย ก่อนที่คุณพีระจะขอตัวกลับไป


“ผมไม่มีนัดอะไรแล้วใช่มั้ยครับวันนี้” เตกดโทรศัพท์ภายในออกไปถามเลขาหน้าห้อง


‘ไม่มีแล้วค่ะ คุณเตมีนัดอีกทีพรุ่งนี้ตอน 11 โมงค่ะ คุณยี่หวาขอนัดคุยเรื่องขายคอนโดส่วนตัว’ นิ่มรายงาน


“สถานที่นัด?” เตถามออกไปสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงที่เริ่มห้วนขึ้นเล็กน้อย


‘เอ่อ เธอขอนัดที่คอนโดของเธอเลยค่ะ เห็นว่าอยากให้คุณเตช่วยดูคอนโดและประเมินราคาให้’ นิ่มตอบ


“ผมแจ้งคุณไปกี่ครั้งแล้วว่า ผมไม่รับนัดในช่วงที่ใกล้เวลาอาหารและนัดนอกสถานที่แบบนี้ เรื่องแค่นี้คุณจัดการไม่ได้หรอ อีกอย่าง นัดคุยเรื่องขายคอนโดเนี่ยนะ มันต้องถึงมือผมมั้ย พนักงานเจรจาไม่ได้ก็ไม่ต้องมีแล้วมั้ยครับพนักงานน่ะ” เตโวยวายกลับไป


‘คือนิ่มเห็นว่าเธอเป็นลูกสาวของเพื่อนคุณตริน เลยยอมรับนัดให้ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะคุณเต’ นิ่มอธิบาย


“ลูกเพื่อนพ่อ ไม่ใช่เพื่อนผม ผมไม่มีอภิสิทธิ์พิเศษให้ใครทั้งนั้น ถ้าเจรจาซื้อขายไม่ถึง 100 ล้านแล้วส่งขึ้นมาที่ผมอีก ผมจะไล่ปลดพนักงานออกไปเลยเคสละคน เริ่มจากคุณก่อนเลยเป็นไง” เตเอ่ยถาม


‘ขอโทษค่ะคุณเต นิ่มจะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้อีก ขอโทษจริง ๆ ค่ะ’ นิ่มตอบกลับอย่างร้อนรน


“แจ้งลูกค้าไปว่า พนักงานจะเป็นคนเข้าไปคุย ถ้ายังยืนยันที่จะคุยกับผม ยกเลิกนัดไปได้เลย แล้ววันนี้ผมไม่เข้ามาแล้ว” เตวางสายลง แล้วเดินออกจากห้องทำงานมาทันที พร้อมกับเบนสายตากลับมาจ้องหน้าเลขาส่วนตัวอีกครั้ง เพื่อให้เธอได้รับรู้ว่า ความผิดพลาดครั้งนี้เธอจะโดนคาดโทษไว้อย่างแน่นอน


“แม่วันนี้เตนอนบ้านไอ้ก้าวนะครับ มีเรื่องงานต้องคุยกันนิดหน่อย” เตกดโทรศัพท์ต่อสายหาแม่


‘จ่ะลูกชาย ทุกวันนี้แม่ก็แทบจะไม่ได้เจอหน้าลูกชายอยู่แล้ว ไม่นอนบ้านก้าว ก็นอนคอนโด อาทิตย์นึงกลับบ้านแค่วันสองวัน พ่อกับแม่เหงามาก ถ้าไม่กลับมาหาพ่อกับแม่บ่อย ๆ รีบแต่งงานแล้วผลิตหลานมาให้แม่เลี้ยงซะ เข้าใจมั้ยลูกชาย’ เตหัวเราะ


“แม่พูดแบบนี้ทุกรอบที่เตโทรมาบอกว่าไม่กลับบ้านนะครับ เตชินแล้ว ส่วนเรื่องหลานรอไปก่อนเนอะ เตยังไม่เจอผู้หญิงที่ใช่เลยซักคน แค่นี้ก่อนนะครับแม่ เตจะขับรถ” เตตอบกลับพร้อมกับเอ่ยลาแล้ววางสายไป

Previous Next
You can use your left and right arrow keys to move to last or next episode.
Leave a comment Comment

Waiting for the first comment……

Please to leave a comment.

Leave a comment
0/300
  • Add
  • Table of contents
  • Display options
  • Previous
  • Next

Navigate with selected cookies

Dear Reader, we use the permissions associated with cookies to keep our website running smoothly and to provide you with personalized content that better meets your needs and ensure the best reading experience. At any time, you can change your permissions for the cookie settings below.

If you would like to learn more about our Cookie, you can click on Privacy Policy.