"ของที่เป็นของฉัน ใครหน้าไหนกล้าแตะ...มันตาย! เธอเองก็เหมือนกัน ถ้าระริกระรี้ลับหลังฉัน ระวังจะได้ตายคาเตียง!" ฮันนี่ปัดมือหนาทันที "ฉันอาจจะเป็นแค่ของไร้ค่าสำหรับคุณ แต่คุณไม่มีสิทธิ์มาขู่ฉันนะ" "ก็ลองดู" "เก็บเอาเวลาที่ขู่ฉันไปเอายาคุมฉุกเฉินมาให้ฉันกินจะดีกว่านะ" "ทำไมฉันจะต้องทำ" "อยากให้มีมารหัวขนงั้นเหรอ!" ฮันนี่ย้อนถามอย่างเกรี้ยวกราด เขามักง่าย เขาเองก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน! "นั่นมันเรื่องของเธอ" "เหอะ! ถ้าฉันท้องขึ้นมาอย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน" "อยากท้องก็ตามใจ เด็กเป็นของฉัน ส่วนเธอ..." "ฝันไปเถอะ! อย่าหวังว่าฉันจะยอมให้เลือดเนื้อเชื้อไขของคุณที่เกิดจากความมักง่ายของคุณได้ผ่านท้องฉันมาเกิด ไม่มีวัน!"
"รำคาญว่ะภู อะไรนักหนา ไหนบอกเองว่าชีวิตเป็นของใครของมัน ได้เป็นผู้ชายคนแรกของฉันแล้วคิดว่ามีสิทธิ์ทุกอย่างแบบนั้นหรือไง" "ควรเงียบไหม นอนไปเลยก็ได้ ถึงคอนโดเมื่อไหร่เดี๋ยวจะปลุกเอง" คนตัวโตยัดร่างบางเข้าไปในรถยนต์คันหรู เมื่อรู้ทั้งรู้ว่าเรี่ยวแรงที่เธอมีไม่สามารถต่อต้านคนที่ตัวโตกว่าได้ ไอติมได้แต่กระแทกลมหายใจออกมาเบาๆ หญิงสาวเลือกที่จะปิดเปลือกตา ตัดปัญหาการโต้ตอบกับอีกฝ่ายอีกครั้ง เอาจริงๆ เถอะ คำพูดของเขาบางคำไม่ต่างจากมีดแหลมๆ ที่กรีดแทงหัวใจ
ภูพิงค์ที่รับรู้ถึงการถูกจ้องมอง ตวัดสายตาไปทิศทางหนึ่งซึ่งมีผู้คนยืนอยู่ หนึ่งในนั้นที่สะดุดตามากที่สุด เห็นจะเป็นเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มที่บนตัวเล็กๆ มีกลิ่นน้ำหอมฟุ้งไปทั้งเรือนร่าง ภูมิรพีมองตาม ก่อนจะเอ่ยถามน้องชายตัวเองกลับไป "มีไรภู มึงรู้จัก? อย่าบอกนะว่าเด็กมึง" "เฮีย" "กูบอกก่อนนะว่ากูไม่สนับสนุนให้มึงทำตัวออกนอกลู่นอกทาง ก*******วมีแค่อันเดียวเสือกเคียวมีหลายเมีย กูเล่นงานมึงแน่ไอ้เหี้ยภู" "โอ๊ย! ไปกันใหญ่แล้วเว้ย ภูไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย" เสียงทะเลาะกันแบบจริงจังส่งผลให้หนุ่มโสดกระแทกลมหายใจแล้วหันมองตาม อารมณ์ที่ยังไม่ดีเท่าไหร่ยังส่งผลให้ใบหน้าหล่อเหลาเรียบตึง ครั้นพอประสานสายตาเข้ากับดวงตากลมสวย ภพนิพิฐชะงักกึกทันที "ซาเฟียร์นั่งก่อนสิ สั่งอาหารกัน" บะหมี่สะกิดที่แขนเรียวเล็ก แว๊บหนึ่งที่ซาเฟียร์หันกลับไปพยักหน้าให้เพื่อน ก่อนจะหันกลับไปที่ทิศทางเดิมอีกครั้ง "ชื่อไรนะ ทำไมชื่อมันคุ้นๆ วะ" ภูพิงค์ได้ยินเต็มสองหู เขากำลังสงสัยว่ามีใครกำลังจ้องมองมาที่พวกเขาอยู่ พอหันกลับไปมองก็พบว่ามีคนมองมาที่ทิศทางของพวกเขาอยู่จริงๆ เขาอาจจะปล่อยผ่านหากสายตานั้นไม่ได้เจือไว้ด้วยความสงสัยในยามที่มองแผ่นหลังกว้างของเฮียภพ คล้ายกำลังไม่แน่ใจว่าใช่คนที่เธอรู้จักหรือเปล่า และมันก็น่าสนใจตรงที่พอพี่ชายของเขาหันกลับไปมอง รายนี้ก็ชะงักไปเช่นกัน และชื่อนั้นที่เขาได้ยินแบบผ่านๆ เมื่อสักครู่มันยิ่งทำให้ทุกอย่างมีประเด็น! "เออ กูก็ได้ยิน" "แฟนเหรอ?" ภูพิงค์อยากเค้นหาความจริงจากปากของผู้เป็นพี่ชายก่อน ขณะที่ตัวของพี่ใหญ่อย่างภูมิรพีก็เลือกที่จะจี้ ในตอนที่อยู่ต่อหน้ากันและกัน หวังว่าจะได้รับคำตอบในแบบที่ไม่ต้องแถออกมา! "เด็กมึง?" "เปล่า ไม่ได้รู้จัก" น้ำเสียงที่หนักแน่นกระทบเข้ามายังหูของคนที่ยืนฟังอยู่เข้าอย่างจัง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนสองคนที่นั่งอยู่กับเขาด้วยในตอนนี้เป็นใคร แต่คำตอบนั้นต่างหากที่มันทำให้เธอสนใจ บะหมี่กระตุกข้อมือเล็ก เกือบจะหย่อนสะโพกลงนั่งหากไม่ติดที่ว่า เธอถูกรั้งเอาไว้ด้วยคำพูดของคนที่นั่งบนโต๊ะข้างๆ กัน "น้อง น้องครับ น้องคนที่หน้าเหมือนตุ๊กตาอ่ะ" "หนูเหรอคะ" ซาเฟียร์ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ภูพิงค์เลือกที่จะพยักหน้ารับทันที "พอดีพี่เห็นว่าน้องมองพี่ชายของพี่ตั้งนานแล้ว มีอะไรรึเปล่าครับ" สายตาทั้งสามคู่หันมาจ้องมองที่ซาเฟียร์ไม่วางตา "พี่เขาบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าไม่รู้จักหนู" "นั่นน่ะสิ ถึงพี่ชายของพี่จะไม่รู้จักน้องแล้วตัวน้องล่ะรู้จักพี่ชายของพี่หรือเปล่า ทำไมถึงมองแบบนั้น" ภูพิงค์หรี่ตามองอย่างพิจารณา แต่ก่อนที่เขาจะได้รับคำตอบ พี่ชายคนที่ถูกจ้องมองก็กระแทกเสียงออกมาอย่างรำคาญใจ "มึงมีนิสัยแย่ๆ แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นเหรอว่าน้องเขามาทานข้าวกับเพื่อน บอกว่าไม่รู้จักก็คือไม่รู้จักไหมวะ" "ก็ได้ยินชื่อคล้ายๆ กับชื่อของคนที่โทรหาเฮียเมื่อตอนบ่ายนี่นา ที่เฮียบอกว่าเป็นแค่คนขายประกัน" "ก็แค่ชื่อคน ชื่อซ้ำกันก็มีทั้งโลก ไม่เห็นจำเป็นต้องยกขึ้นมาเป็นประเด็น โคตรไร้สาระเลยมึง!" "ระ เราย้ายโต๊ะกันดีกว่าปะ" บะหมี่ที่เห็นท่าไม่ดีรีบเอ่ยถามออกมา ซันเดย์เห็นด้วย และในตอนนั้นเองที่ซาเฟียร์เองก็เห็นดีเห็นงามกับเพื่อนด้วยเช่นกัน ร่างบอบบางเดินผ่านตรงนั้นออกมาโดยไม่คิดที่จะเอ่ยสิ่งใดออกมาเลยสักคำ ในเมื่อเขาบอกเพื่อนในกลุ่มของเขาว่าไม่ได้รู้จักเธอ มันก็ไม่มีความจำเป็นที่เธอจะต้องพูดอะไรให้มากความ! แค่พี่ชายของเธอขอความช่วยเหลือจากเขา เท่านั้นมันก็มากพอแล้ว!
"ไม่มีความสำคัญงั้นหรอ ยึดสิ่งของกลับงั้นหรอ ก็เอาสิ ไปเอาเลย แล้วถ้าอยากจับพ่อฉันไปคืนเจ้าของบ่อนนั่นก็ตามสบาย ถ้าทำในสิ่งที่ต้องการเสร็จแล้วก็สำเหนียกเอาไว้ว่าเราไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป คุณกับฉันขาดกันตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นไป คุณจะไม่มีวันได้พบฉัน คุณจะตายจากใจของฉัน ฉันก็จะตายไปจากชีวิตของคุณเหมือนกัน!"
"หาโรงแรมดีๆ แล้วเปิดห้องให้ซีรีย์!" คำพูดของอีกฝ่ายทำใจดวงน้อยกระตุกวูบ "ไม่เอาค่ะ ซีกลัวผี" "แล้วเธอไม่กลัวฉัน?" "ไม่กลัวค่ะ ซีมั่นใจว่าพี่ลมไม่หลอกซีเหมือนผี" สิ้นคำนั้น ผู้ชายสองคนที่ประจำตำแหน่งคนขับและข้างคนขับก็หลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ส่วนเจ้านายของพวกเขาตวัดสายตาคมดุมองแรงอย่างไม่พอใจ "ซีจะไปนอนกับพี่ลมค่ะ" "ซีรีย์!" "นะคะ ซีกลัวผี ซีไม่นอนโรงแรมแน่ๆ แล้วพี่ลมจะให้ซีไปนอนที่ไหน" "คอนโดเพื่อนเธออยู่ไหน บอกทางคนขับก็แล้วกัน" "ไม่เอาค่ะ เยลลี่อยู่กับแฟน สิบแปดบวกกันทั้งคืนแล้วซีจะนอนแบบไหน" "เธอนี่มัน..." "พี่ลมเป็นคู่หมั้นซี เป็นว่าที่สามีที่ซีสามารถพึ่งพาได้ พี่ลมจะไม่เห็นใจซีเลยเหรอคะ พี่ลมชักจะใจร้ายเกินไปแล้วนะ" สิบนาทีต่อมา... @เพนต์เฮาส์ของสายลม ซีรีย์ถอดรองเท้าส้นสูงที่สวมใส่นำไปวางเคียงคู่รองเท้าหลายต่อหลายคู่ของเจ้าของเพนต์เฮาส์ที่วางไว้ก่อนแล้ว ดวงตากลมโตเกลือกกลิ้งไปมา มองภายในห้องพักหรูด้วยความรู้สึกตื่นเต้น "ครัวอยู่ด้านโน้น อยากกินอะไรก็ทำเอง" "ได้ค่ะ" หญิงสาวหันไปอวดรอยยิ้มเก๋ให้ชายหนุ่มคู่หมั้น เขาปลดกระดุมเสื้อที่สวมใส่พลางเดินเลยออกไปอีกทาง "เก๊กจัง แบบนี้สเปคซีชัดๆ" ซีรีย์เอ่ยเบาๆ ตามหลังก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปยังโซนห้องครัว มือเรียวเปิดตู้เย็นขนาดใหญ่ที่ตั้งเด่นอยู่ในห้องครัว "ว้าว" ตื่นตาตื่นใจกับอาหารแช่แข็งสำเร็จรูปที่พร้อมทานเพียงแค่นำเข้าไมโครเวฟ หลายเมนูน่าสนใจ เธอตัดสินใจหยิบออกมาสองกล่องแล้วนำเข้าไมโครเวฟทันที "พี่ลมขา มากินข้าวกันค่ะ" ซีรีย์เดินนวยนาดเข้าไปบอกคนที่นั่งไขว้ห้างอยู่หน้าทีวีจอใหญ่มาก "ฉันกินไปแล้ว เธอรีบไปกินแล้วรีบไปนอน" "ซียังไม่ง่วงค่ะ ขอกินข้าว อาบน้ำ แล้วมานอนดูทีวีตรงนี้นะคะ" เจ้าของห้องปรายตามามองที่หญิงสาวเพียงนิด ก่อนที่เขาจะดึงสายตากลับไปที่เดิม "ตามใจ" "ซีเวฟข้าวผัดไปสองกล่อง ซีทำเผื่อพี่ลมค่ะ" "เอาไว้ตรงนั้นแหละ เธออยากทำอะไรก็ทำฉันจะไปนอน" "อ้าว..." อีกคนไม่ได้รอฟังคำตอบ ร่างสูงหยัดกายลุกขึ้นจากโซฟาก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องนอนทันที "ซีชอบผู้ชายคลั่งรัก แต่คู่หมั้นซีเย็นชาชะมัด!"
สวบ~ "กรี๊ดดดดด!" ต่อให้จะมีอะไรกันกี่รอบ ฉันก็ไม่เคยคุ้นเคย และไม่เคยที่จะเปิดรับเลยสักครั้ง ฉันเป็นผู้หญิงแรงๆ ที่ชอบพูดจาตรงๆ ใครๆ ก็คงคิดว่าฉันคงเป็นผู้หญิงง่ายๆ ไม่เคยมีใครเข้าใจ ว่าต่อให้แกร่ง ก็ไม่ใช่ว่าฉันจะแบกรับกับทุกเรื่องไหว เพื่อนของผัวเพื่อนแบบนายนิกกี้ กำลังจะทำให้ฉันบ้าตาย ฉันจะทำให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย สุดท้ายที่ฉันจะยอมมัน ปึก! ปึก! ปึก! "แน่นจังวะ อ๊า..." ฉันหันหน้าหนี เมื่อคนที่อยู่ด้านบน ขยับเอวสอบเข้าใส่ ทันทีที่สอดใส่เข้ามาในกายฉันได้สำเร็จ ต่อให้ฉันจะคิดหนี ต่อให้ฉันจะพยายามต่อต้าน แต่หมอนี่ก็หน้าด้านเกินกว่าจะฟัง "ทำทาน ฉันจะถือว่าฉันกำลังทำทานให้หมา!" "อะไรนะ อยากได้ท่าหมา?" นิกกี้ยกยิ้มออกมา ใบหน้าหล่อเหลา ที่หมอนี่เคยเอาไปหลอกล่อผู้หญิงคนอื่น ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาเลยสักนิด ต่อให้หล่อจะเป็นจะตาย ต่อให้ดีแค่ไหน ต่อให้มันจะได้ฉันแล้ว ฉันก็จะไม่ยอมเป็นของตาย ยังไงฉันก็จะไม่ยอม "ทำหน้าบึ้งแบบนี้ไม่สวยเลยว่ะ ถ้าเธอเรียกฉันว่าพี่นิกขา บางทีฉันอาจจะอ่อนโยนกับเธอได้นะ" "นายไม่จำเป็นต้องอ่อนโยนกับฉัน เพราะสิ่งที่นายทำกับฉัน มันทำให้ฉันเกลียดนาย!" "เกลียดแค่ไหน ฉันก็เป็นผู้ชายคนแรกของเธอนะที่รัก" "คนแรกกับคนสุดท้าย ความสำคัญมันต่างกัน จำใส่หัวนายเอาไว้!" นิกกี้แสยะยิ้มมุมปาก หมอนั่นก้มลงมาตะโบมดูดดุนที่ยอดอกของฉัน ก่อนที่หมอนั่นจะผละออก จับฉันคว่ำลงกับเตียงกว้าง พร้อมๆ กับการสอดใส่แก่นกายใหญ่เข้ามาในกายของฉันอีกครั้งจนสุดความยาวของมัน "ใครกล้ายุ่งกับผู้หญิงของฉัน ฉันสาบานว่ามันจะไม่ได้ตายดี!"
"วันนี้ทำไมสวย" เขาจงใจกระซิบที่ข้างหูของหญิงสาวที่มองเพียงด้านหลังก็รู้ว่าสวยมาก กลิ่นหอมจางๆจากกายเธอ สร้างความพอใจให้เขาได้เป็นอย่างดี ก่อนที่เจ้าตัวจะหันมาที่เขากระทันหัน จนปลายจมูกเชิดรั้น เฉียดชนกับปลายจมูกของเขาเต็มๆ"พะ พี่พล" เสียงหวานเอ่ยเรียกชื่อเขา ก่อนที่เธอจะขยับเพื่อรักษาระยะห่าง จากนั้นดวงตาของสองเราก็เชื่อมประสานมองกัน"สวยทุกวันมั้งคะ มันอยู่ที่คนมองมากกว่า" เขายกยิ้มออกมา ก่อนจะวางท่อนแขนข้างหนึ่งไปกับโต๊ะกระจก โดยที่สายตา ยังไม่ได้ละไปจากใบหน้างดงาม"วันนี้พี่คงมองนาน เลยเห็นว่าเธอสวยมาก" "กำลังจะจีบนาวอยู่หรือเปล่าคะ" เธอเอียงหน้าถาม มือบางควงแก้วเครื่องดื่มวนไปมา ก่อนจะยกมันจรดที่ริมฝีปากอวบอิ่ม ที่เคลือบลิปกลอสสวยงามและลงตัว"ถ้าบอกว่าจะจีบ จะยอมให้พี่จีบไหม จีบ.. เหมือนที่นาวอยากให้พี่จีบไง" "ถ้านาวบอกว่าเปลี่ยนใจแล้วล่ะคะ พี่พลจะว่ายังไง" "พี่ก็คงเสียใจ ที่ไม่ได้สานสัมพันธ์กับสาวสวยที่เคยบอกว่าชอบพี่มากล่ะมั้ง" "เอาความจริงมาคุยกันดีกว่าค่ะ ที่มาจีบ เพราะผู้หญิงคนนั้น ประกาศแต่งงานสายฟ้าแลบรึเปล่าคะ""ห้าแสน.. ถ้าเธอไปจดทะเบียนสมรสกับพี่.." "...รับอีกห้าแสนทันที ถ้าเธอแต่งตัวสวยๆ ให้พี่ควง ไปเย้ยผู้หญิงคนนั้นด้วยกัน" "ผู้หญิงคนนั้น คนที่พี่บอกว่ารักมากน่ะเหรอคะ" "พี่เพิ่มให้อีกห้าแสนก็ได้นะ ถ้าเธอจะเงียบปาก แล้วเดินมาให้พี่กอดซะดีๆ.." "...มาเป็นเมียแต่งของพี่ พี่พร้อมจะมีเมียตอนนี้เลย" "ว้าวว นาวชอบสายเปย์เสียด้วยสิ ว่าแต่ จะให้นาวกระโดดข้ามขั้นซะขนาดนั้น เพราะอยากให้นาวช่วยรักษาแผลที่หัวใจให้อย่างนั้นเหรอคะ โทษทีนะคะ นาวไม่ใช่หมออ่ะค่ะ" "พี่ก็ไม่ได้อยากให้นาวมาเป็นหมอไง แต่อยากได้มาเป็นเมีย"
บอสหนุ่มกับเลขาสาว ทั้งที่จริงเธอกับเขาควรเกี่ยวข้องเฉพาะเรื่องงาน ทว่าพรหมลิขิตหรือสิ่งใดกันที่ผลักดันให้เธอและเขาได้มาร่วมเตียง "...เพื่อนมันวางยา บอกตรงๆ ตอนนี้อยากว่ะ!" "พะ เพราะอะไรคุณถึงเลือกฉัน" "ไม่อยากมีปัญหาในภายหลัง ฉันรู้ว่าเธอจะไม่ทำให้ฉันเดือดร้อน เอาเป็นว่าฉันเลือกที่จะนอนกับเธอ" คำขอแบบตรงไปตรงมา ทั้งที่จริงเธอมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธนะ แต่ทว่า "ตกลงค่ะ แค่ one night stand นะคะ" ---------- เลขาสาวสุดแสบ Vs. บิ๊กบอสหนุ่มมาดกวน ฝากติดตาม กราบขอบพระคุณทุกการสนับสนุนล่วงหน้าเลยนะคะ ^^
“ถ้าครบหนึ่งปี เราจะบอกแม่พี่ว่ายังไงคะ” “มันไม่สำคัญ!” “จะหย่ากันทั้งที พี่ภีมไม่คิดจะมีเหตุผลดีๆ ให้คุณป้าเลยเหรอ” “ไม่จำเป็นต้องมี สุดท้ายวันที่เธอเดินออกไปจากชีวิตของพี่ มันก็จะมีคนเข้ามาแทนที่เธออยู่ดี” “…” “หรือถ้าจำเป็นต้องมีเหตุผล ก็แค่บอกว่าเราไปกันไม่ได้ เราไม่เคยรักกัน” “งั้นเหรอคะ…” “สัญญาระหว่างเราคือหนึ่งปี เธอมีบ้าน มีรถ มีเงินที่พี่จะให้ซึ่งชีวิตเธอต่อจากนี้คงสบายไปหลายปี ส่วนพี่…ขอแค่อิสรภาพของตัวเองคืน” “ค่ะ เพลงจะรักษาสัญญา” เพลงเป็นแค่เมียในอุปถัมภ์ พี่ภีมเลี้ยงดูเพียงเพื่อตบตาคุณแม่ เพลงได้บ้าน ได้เงิน ได้รถ ได้ทุกอย่าง พี่ภีมได้ตัวเพลง ได้หัวใจของเพลง แต่เมื่อไหร่ที่พันธะสัญญาสิ้นสุด พี่ภีมจะไม่ได้อะไรอีกแล้ว แม้แต่เลือดเนื้อเชื้อไขที่พี่ฝากไว้ เพลงก็จะไม่ให้พี่ได้เจอ!
"หึ สุดท้ายก็นอนกับใครก็ได้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง!" รอยยิ้มเย้ยหยันบนมุมปากหนา เขาเหยียดฉันจนเกินกว่าจะเก็บกลั้นอารมณ์ได้ "หากคุณไม่เคยจนตรอก อย่ามองคนอื่นด้วยสายตาแบบนี้เลยค่ะ คุณเองก็คงสามารถทำทุกอย่างเพื่อคนที่คุณรักได้ ฉันเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน" "ปากดี!" "จะเอาไม่ใช่เหรอคะ เชิญค่ะ เชิญคุณทำในสิ่งที่คุณอยากทำ เรียกร้องสิทธิ์ของคุณซะให้พอใจ ฉันพร้อมที่จะทำตามข้อตกลง" ฉันปล่อยน้ำตาให้ไหล ในจังหวะที่ปล่อยทุกอย่างให้หลุดร่วงลงไปกองที่เท้า มองสบตากับดวงตาคมเข้มอย่างจำใจ สุดท้ายทุกอย่างมันก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว จะช้าหรือเร็ว มันก็คงจะเป็นแบบนี้อยู่ดี "หึ..." ขายาวก้าวมาที่เบื้องหน้า ฉันลดสายตาลงมองที่มือของเขาในจังหวะที่เขากำลังปลดเข็มขัดหนังราคาแพง เพียงไม่นาน กางเกงยีนส์แบรนด์ดังก็ร่วงไปกองที่เท้าเช่นกัน "หวังว่าร่างกายของเธอ มันจะสมกับเงินที่ฉันเสียไป" "ถ้าจะให้ดี ร่างสัญญาไว้เป็นลายลักษณ์อักษรด้วยนะคะ ว่าคุณจะปกป้องฉันและหลานนานแค่ไหน แล้วเมื่อไหร่ ร่างกายของฉันถึงจะเป็นอิสระจากคุณ" เขาแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนจะกระชากข้อมือของฉันกลับไปที่เตียง ใจแข็งแค่ไหนที่จะไม่ร้องไห้ จุกไปทั้งใจในตอนที่เขาผลักฉันลงกับเตียง ก่อนที่ร่างหนาจะประกบตาม "ฉันไม่ชอบเล้าโลม หวังว่าเธอจะพร้อมรับในสิ่งที่ฉันจะทำกับเธอตลอดเวลา" เขาแทรกตัวเข้ามากลางหว่างขา มือหนาดันต้นขาของฉันให้แยกกว้าง ใจจะขาด ในตอนที่แก่นกายใหญ่เลื่อนมาถูไถที่ช่องทางรัก ฉันไม่เคย ไม่พร้อมที่จะรับอะไรด้วยซ้ำ แต่กลับถูกกระแทกกระทั้นความใหญ่โตเข้าใส่จนสุดความยาวของมัน
“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามาย้อนถาม เธอมีหน้าที่แค่ตอบก็ตอบออกมา” คนตัวเล็กบนเตียงเม้มปากแน่น จากนั้นก็เลือกที่จะละสายตาจากโทรศัพท์มือถือ เอาตรงๆ เถอะ ต่อให้ดูต่อไปเธอก็ดูอะไรไม่รู้เรื่องอยู่ดี “รักบังเอิญได้ยินสิ่งที่เฮียกับภูคุยกันค่ะ” “...” “ได้ยินที่เฮียบอกว่า...ไม่ได้หวงรัก” ความเงียบที่เข้าปกคลุมในขณะที่คนตัวโตเพียงแต่มองเธอนิ่งๆ มันทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นแผ่วลงทุกที อยู่ดีๆ ก็รู้สึกแย่แปลกๆ ทั้งที่เธอไม่ควรรู้สึกแบบนี้ และไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย “แต่ไม่เป็นไรนะคะ รักเข้าใจ” “เข้าใจว่าอะไร” “...ก็เข้าใจว่าเราแต่งงานกันเพราะพ่อแม่แค่อยากอุ้มหลานไงคะ มันไม่มีความจำเป็นที่เฮียจะมารู้สึก...หึงหวงผู้หญิงที่ได้มาเป็นเมียเพียงเพราะว่าคุณแม่เลือกให้อย่างรักไงคะ” ความเงียบยังคงปกคลุมอยู่แบบเดิมหลังจากที่เธอพูดจบ และนั่นมันยิ่งทำให้เจ้าของคำพูดรู้สึกแย่ไปมากกว่าเดิม “รักง่วงแล้ว ฝากเฮียปิดไฟให้ด้วยก็แล้วกันนะคะ ฝันดีนะคะ” เจ้าสาวป้ายแดงพยายามปั้นรอยยิ้มสดใสกลับไป ทำเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร และได้แต่พร่ำบอกตัวเองในใจ เขาเคยลั่นวาจาเอาไว้แล้วว่ามารอดูกันว่าใครจะเป็นฝ่ายรู้สึกก่อนใคร คนระดับอย่างเขาคงไม่ยอมเสียหน้า เสียคำพูดหรอก! เอาเป็นว่าเธอควรทำหน้าที่ของเธอให้มันดีที่สุดก็พอแล้วยัยรัก แค่ทำหน้าที่ของตัวเองอย่าให้ขาดตกบกพร่อง จะได้มีลูกให้สามี จะได้อยู่ตรงนี้ได้นานๆ ให้สมกับที่ครอบครัวของเขายอมยกหนี้สินให้ครอบครัวของเธอ เขาจะรู้สึกแบบไหน หรือไม่รู้สึกอะไรกับเธอก็ช่างเขาเถอะ มันไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้นหรอก!
"เมื่อคืนเพื่อนฉันเห็นฉาย ...อยู่กับผู้หญิงคนอื่น" คำพูดที่ได้ฟัง มันทำให้ฉันถึงกับมือไม้สั่น หัวใจของฉันเหมือนมันกำลังเต้นผิดจังหวะ กระบอกตามันร้อนไปหมด และในวินาทีนั้น มันก็ทำให้ฉันคิดไปต่างๆ นาๆ "หมายความว่าที่เมื่อคืนฉายไม่..." เสียงของฉันมันหยุดอยู่แค่นั้น คล้ายมีก้อนเหนียวติดอยู่ที่ลำคอ ก่อนที่เมยี่จะเลื่อนมือมาบีบมือฉัน "ใจเย็นๆ นะปาย ความจริงมันอาจจะไม่ได้แย่แบบนั้น แต่ที่ฉันต้องบอกเธอ เพราะเธอเป็นเพื่อนฉัน เพื่อนไม่ควรปิดบังเพื่อน ต่อให้ฉันจะกลัวว่าเพื่อนจะเสียใจก็ตาม" ฉันกัดปากตัวเองแน่น ความรู้สึกแย่ๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อคืน ถาโถมเข้ามาโดยที่ฉันไม่มีโอกาสได้ตั้งตัว "ไหวไหมแก" "ถะ ถามเพื่อนของเธอให้หน่อยสิ ว่าเจอเขาร้านไหน เมื่อคืน..." "...ฉายไม่ได้กลับ!" น้ำตาของฉันมันคลอออกมาอย่างห้ามไม่ได้ มันรู้สึกจุกขึ้นมาแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตาของฉันมันร้อนไปหมด อยากรู้ว่าเรื่องราวที่เมยี่เล่ามามันจริงแท้แค่ไหน แล้วสรุป ตะวันฉาย นอกใจฉันไหม! เมยี่ถอนหายใจออกมา ทั้งสีหน้าและแววตา บ่งบอกชัดเจนว่าเพื่อนห่วงฉัน "ต่อให้ฉันจะรู้สึกแบบไหน ฉันก็ควรรู้ในสิ่งที่แฟนตัวเองทำลับหลังไม่ใช่หรือเม บอกฉันเถอะ ฉันอยากรู้จริงๆ" "งั้นมานี่ อย่าพึ่งร้องออกมานะ" เมจับมือฉัน แล้วพาเดินออกมาจากตรงนั้นด้วยกัน ฉันใช้มือข้างที่ว่างปาดน้ำตาออกจากหน่วยตาลวกๆ พยายามเชิดหน้าไม่ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมา ในขณะที่เมยี่พาฉันตรงไปยังห้องน้ำ ดีที่ในเวลานั้นไม่มีใครอยู่ข้างในพอดี อย่างน้อยๆ ฉันก็ไม่ต้องปั้นหน้า สู้สายตาของใคร "ฉันรักเพื่อนนะ ฉันห่วงความรู้สึกของเพื่อนมาก และฉันก็ไม่โอเคที่จะปล่อยให้ผู้ชายมาทำให้เพื่อนฉันเสียใจ" เมล้วงโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาปลดล็อค จากนั้นก็เข้าไปที่แอพพลิเคชันบางอย่าง แล้วยื่นโทรศัพท์มาที่ตรงหน้าของฉัน ซึ่งฉันรับมันมาถือเอาไว้ และเลื่อนอ่านสิ่งที่อยู่บนหน้าจอทันที
"เออ ฉันมันไม่มีหัวใจ แล้วใครใช้ให้เธอมารักฉันวะ" ผมพูดออกมาตามความรู้สึกของตัวเอง โดยไม่ได้แคร์ด้วยซ้ำ ว่าคนฟังจะรู้สึกแบบไหน เอาจริงๆเถอะ ที่ผ่านมา ผมก็ไม่เคยสร้างภาพในสายตาใคร ไม่เคยให้เกียรติผู้หญิงหน้าไหนทั้งนั้น ถ้าโอเคก็แค่หันมาคุยกัน แต่เมื่อใดที่ผมไม่ต้องการ ผู้หญิงพวกนั้น ก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของผมเท่านั้นเอง อย่างเวกัสก็เช่นกัน ไม่ใช่เธอคนแรกหรอก ที่ยอมเสียครั้งแรกให้กับผม ยังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่มีผมเป็นคนแรกเหมือนกันกับเธอ แต่ที่ผ่านมา กาลเวลามันก็พิสูจน์แล้วว่า ผู้หญิงเหล่านั้น ไม่สามารถใช้พรหมจรรย์ที่พวกเธอมี ทำให้ผมหยุดที่พวกเธอได้ เพราะใจของผมมันไม่เคยคิดที่จะหยุดอยู่ที่ใคร "ความรักมันห้ามกันไม่ได้..." "แต่ถ้าเธอรักฉัน เธอจะได้รับแค่ความเจ็บปวดเท่านั้น!" ผมตะคอกเสียงดัง แต่ก็ตามนั้น เวกัสน้ำตาคลอเบ้าทันที ขี้แย นิสัยเด็กๆแบบนี้ มันไม่ใช่สเปคผมเลยสักนิดเดียว "หยุดความคิด ที่จะถีบตัวเองมาแทนที่แม่ของมิลิน เพราะแม่ของมิลิน มีแค่คริสตินา แค่คนเดียว!" เวกัสหันหน้าหนี พลางยกมือปาดน้ำตาของตัวเองออกลวกๆ ร่างเล็กหันกลับไปจัดการสวมใส่รองเท้าผ้าใบของเธออีกครั้ง ก่อนที่ผมจะโยนเช็คที่เตรียมไว้ ให้ยัยนั่นทันที "ฉันให้" เวกัสปรายตามองเช็คที่ผมให้เพียงนิด ก่อนที่เธอจะหยัดกายลุกขึ้น พลางจัดแจงกระเป๋าสะพายที่คล้องบ่า ทำเหมือนไม่เห็นว่า จำนวนเงินที่อยู่บนเช็คใบนั้น มันมากแค่ไหน ห้าแสนที่ให้ มันมากกว่าที่ผู้หญิงทุกคนเคยได้ แต่ยัยนี่กลับทำเหมือนเงินผมเป็นขยะ ไม่แยแส และทำเพียงแค่ชายตาแล "อย่าหยิ่งให้มาก แล้วท่าทีที่เธอทำ มันไม่ได้ทำให้ฉันสนใจ!" "กัสไม่สวยเหรอคะ หรือกัสมีดีไม่สู้ผู้หญิงของพี่ตรงไหน" "ก็เมื่อไหร่ที่ผู้หญิงที่ฉันเคยเอา พยายามถีบตัวเองเพื่อหวังที่จะมาเป็นแม่ของลูกฉัน ฉันเขี่ยทิ้งทุกคน แม้แต่เธอ" "การที่กัสบอกว่าพี่คริสไม่มา กัสแค่ไม่อยากให้มิลินรอเก้อค่ะ กัสไม่ได้อยากทำร้ายความรู้สึกของน้อง กัสไม่ได้อยากทำให้น้องเสียใจ!" "แต่มันก็เป็นเพราะคำพูดของเธอ ที่ทำให้ลูกของฉันเสียใจ ...หากเลือกได้ ฉันจะสั่งห้ามเธอ ไม่ให้มายุ่งกับลูกของฉันอีกเลย!" เวกัสหันหน้าหนีทันทีที่ได้ฟัง เธอเหยียบเช็คของผม ทำเหมือนมันเป็นเศษกระดาษ จากนั้นก็ทำท่าจะเดินผ่านหน้าผมไป แต่เป็นผม ที่คว้าแขนของเวกัสได้ทัน "รับเช็คนั่นไป แล้วถือซะว่า ...มันไม่เคยเกิดขึ้นเลยก็แล้วกัน!" คำตอบที่ผมได้ ก็เป็นไปในรูปแบบที่ผมคิด เวกัสร้องไห้ แม้จะไม่มีเสียง แต่น้ำตาของเธอก็ไหล "พี่แม็กซ์ลืมได้..." "ฉันไม่เคยจำ ไม่ว่าจะเอากับผู้หญิงคนไหนก็ตาม!" "แต่กัสไม่ลืม..." "มันเรื่องของเธอ จะรู้สึกหรือไม่รู้สึกอะไรกับฉันมันก็เรื่องของเธอ แต่ฉันจะเตือนในฐานะที่เธอแสนดีกับลูกของฉัน เธอควรหยุดความรู้สึกที่มีต่อฉัน เพราะถ้าเธอไม่ยอมหยุดมัน เธอจะเป็นเพียงของเล่นของฉัน เหมือนกับผู้หญิงทุกคน!" "ขะ ของเล่น" เวกัสทวนคำนั้น แล้วปัดมือของผมออกจากแขนของเธอทันที "เก็บเช็คนั่นไป แล้วเธอจะมีสิทธิ์เข้าออกในบ้านฉันแบบเดิม แต่ถ้าหยิ่งมากนัก ก็ไม่ต้องมาเหยียบบ้านฉัน แล้วอย่าคิดว่าลูกฉันจะหลงเธอมาก แค่พี่เลี้ยงเด็กคนเดียว ฉันมีตัวเลือกให้มิลินเลือกเป็นสิบๆคน!" เวกัสมองต่ำที่กระดาษแผ่นเล็กที่เธอเหยียบ แล้วสุดท้าย เธอก็เลือกที่จะก้มเก็บกระดาษแผ่นนั้นแบบที่ผมต้องการ ก็แค่นั้น เกิดมาจะมีใครบ้าง ที่ไม่ต้องการเงิน!
"อย่ามาแก้ผ้านะ พี่เมาเหรอ พี่เมาหรือไง" "ครั้งแรกที่มีอะไรกัน ฉันอาจจะเมา แต่วันนี้เหล้าที่ฉันกินไป ไม่มีผลอะไรต่อร่างกาย ที่เธอเห็น เป็นความรู้สึกล้วนๆ" "ระ เราจะทำแบบนั้น อื้ออ พี่อยากมีอะไรกับฉันจริงๆ หรือไง!" "แล้วให้ไหมล่ะ" ผมยิ้มมุมปาก ในขณะที่ตั้งคำถาม เหตุผลที่ทำ จะเพราะอะไรก็ช่างมัน สุดท้ายแล้ว เราก็เป็นของกันและกันไปแล้วอยู่ดี หากจะมีอีกสักทีสองที มันจะเป็นอะไรไป "จะถอดเองหรือจะให้ถอดให้ หรือชอบแบบช่วยกันถอด จะเอาแบบไหนก็บอก จะได้รีบจัดให้ไวๆ"
"อ๊ะ..อ๊ายย.. จะ..เจ็บ" เสียงหวานร้องลั่น เมื่อเขาแยกขาขาวออกจากกัน และตั้งท่าจะดันเข้าใส่อย่างเดียว "ต้องจูบก่อนรึไง ถึงจะเข้าได้" เขาว่าอย่างหงุดหงิดใจ ก่อนจะก้มลงไปจูบปากเพื่อเป็นการเปิดทาง มือหนาบีบครั้นหน้าอกหน้าใจที่เต็มไม้เต็มมือของเธออย่างหนัก จากที่ตั้งใจว่าจะไม่แตะต้องมัน แต่ความขาวที่ล่อตา ความออร่าที่ไม่อาจจะละสายตาได้ ทำให้ฝ่ามือของเขาแทบไม่ละออกจากส่วนนั้น ในขณะที่ท่อนล่าง ก็ตั้งท่าจะดันใส่แค่อย่างเดียว "พะ..พี่ซี" มือบางที่ยกมาดันต้นขาแกร่ง พร้อมกับเสียงหวานที่ร้องเรียกชื่อเขาอย่างแรง ทำให้เขาต้องเงยหน้าไปสบตากับเธอใหม่ ทั้งๆที่เมื่อครู่ เขากำลังจะสอดใส่ และเขาก็ได้เห็น ว่าดวงตาของเธอคลอหยดน้ำตาที่ตั้งท่าจะไหล เธอพยายามกระพริบถี่ๆ เหมือนพยายามขับไล่ ก่อนจะเอ่ยบางอย่างด้วยน้ำเสียงสั่น "ยะ..หยีไม่เคย เบาๆได้ไหมคะ ตอนที่พี่พยายามจะยัด มะ..มันเจ็บมาก" แว๊บหนึ่ง ที่รู้สึกสงสาร เมื่อนึกขึ้นได้ ว่าผู้หญิงที่ชื่อยาหยีจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเขา แม้ว่าเราจะมีอะไรกันก็ตาม เขาเชื่ออย่างสุดใจ แม้ว่าเขาจะทำแบบนั้นลงไป ผู้หญิงอย่างเธอคงไม่คิดที่จะเรียกร้องอะไรง่ายๆ ความรู้สึกเห็นใจ จึงแทรกเข้ามาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว "จะทำให้รู้สึกเจ็บน้อยที่สุดก็แล้วกัน" บอกแค่นั้น ก่อนที่เขาจะทำในเรื่องที่ค้างคา เขาค่อยๆดันตัวตนเข้าไปในช่องทางรักอย่างเชื่องช้า แล้วแม้ว่า เขาจะสอดใส่ได้เพียงส่วนหัวเท่านั้น ยัยนั่นก็ถึงกับเปร่งเสียงร้องไห้ออกมา เธอแสดงความเจ็บปวดออกมาทางสีหน้า ในขณะที่เขารีบแนบริมฝีปากลงไปหา ดูดกลืนเสียงร้องให้หายไปในพริบตา ก่อนจะกระแทกตัวตนเข้าหา จนสุดความยาวของมัน เสียงกรีดร้องถูกเก็บกลั้นอยู่ในโพลงปากของเขา เรียวลิ้นร้อนตวัดชอกชอนเกี่ยวปลายลิ้นเล็กเพื่อหวังที่จะให้เธอคล้อยตาม ในขณะที่ช่วงล่างเริ่มขยับถี่ๆ ไหนๆก็มาจนถึงขนาดนี้ ถึงอย่างไรมันก็ย้อนกลับไปเริ่มใหม่ไม่ได้ เยื่อพรหมจรรย์ขาดสะบั้นในตอนที่เขารู้สึกว่ามันดีมาก เธอตกเป็นของผู้ชายด้วยน้ำคำเพียงไม่กี่คำ เธออาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าไอ้คำว่า 'คนแรก' มันไม่ได้สำคัญเท่ากับ 'คนสุดท้าย' แทบเทียบกันไม่ได้เลย
‘เราเลิกกันเถอะ น้ำจะแต่งงาน’ ความหงุดหงิดถาโถมเข้าใส่เมื่อสุดท้ายเขาก็คิดถึงคำพูดแบบนี้อีกจนได้ มือหนาบีบเข้าหากันแน่น กรามบดเข้าหากันอย่างแรง 'ไอ้ไฟที่ฮอตนักหนา สุดท้ายก็ถูกผู้หญิงหน้าจืดๆ ทิ้งเหมือนหมา' 'เราเลิกกันเถอะ น้ำจะแต่งงาน' คันเร่งถูกเหยียบอย่างแรง รถยนต์สีแดงเพลิงพุ่งทะยานไปที่เบื้องหน้าแรงตามสรีระของร่างกายของเขาที่เป็นคนกำหนด คิดว่าสาเหตุเพราะเธอคือคนแรกที่กล้าบอกเลิก เขาถึงยังจดจำทุกอย่างไม่ลืม จากนั้นเขาจึงพยายามไม่แยแส ไม่สนใจ เลิกติดตามตัวตั้งแต่วันที่ครอบครัวของเธอกลับบ้าน แต่ตัวเธอไม่ได้กลับมา 'ผมเฝ้าที่บ้านคุณน้ำตลอดตามที่คุณบอกตลอดเวลานะครับ ตอนนี้พ่อแม่และพี่สาวของเธอกลับมาแล้ว...' 'น้ำล่ะ ตอนนี้อยู่ที่บ้านหรือเปล่า' 'เธอไม่ได้กลับมาพร้อมคนอื่นๆ นะครับ ผมตามเรื่องแล้วด้วย สืบรู้แล้วว่าทำไมคุณน้ำใจถึงไม่ได้กลับมา' '...' 'เธอไปแต่งงานครับ!' '...อืม เลิกตาม!'
“นิสัยมึงนี่ขี้เลียนแบบไม่เปลี่ยนเลยนะ” ผมทักมันก่อน อ้อนตีนผมนัก ชักอยากอ้อนตีนมันกลับบ้างเหมือนกัน “กะพราทะเลคือเมนูโปรดของกูเหมือนกัน ถึงมึงจะชอบก่อน สั่งก่อน แต่ถ้ากูชอบกูก็ไม่สนที่จะสั่งเมนูที่ซ้ำกับมึง” “เหอะ! กระจอกฉิบหาย” “ขอบคุณนะครับป้า” ไอ้เวรนั่นไม่แคร์เสียงด่าแต่หันไปยิ้มให้แม่ค้าขายข้าวแทน “จะว่าไปแล้ว มันก็บ่อยอยู่นะ ที่มึงกับกูชอบอะไรที่เหมือนๆ กัน” “อย่าเสร่อใช้คำว่ากูชอบเหมือนมึง มึงต่างหากที่เสร่อมาชอบเหมือนกู” “มึงจะคิดแบบนั้นก็ได้ จะว่าไปแล้วรสนิยมมึงมันก็ไม่เลวนี่นา ขาว สวย น่ารัก สเปคกูเหมือนกัน” ผมชะงักเมื่อได้ยินแบบนั้น จากนั้นก็เลือกที่จะมองหน้ามันทันทีเช่นกัน “มึงหมายถึงอะไร” “แล้วมึงคิดว่ากูหมายถึงอะไร” “ไอ้สัสนี่กวนตีนว่ะ!” “หึ! ที่ผ่านมามึงชนะกูบ่อยก็จริงนะ แต่กูเชื่อว่า บางเรื่องกูก็มีสิทธิ์ชนะมึงเหมือนกัน” ไอ้ไบรอันยิ้มมุมปาก “ไม่ต้องทอนนะครับป้า” มันยื่นเงินให้แม่ค้าขายข้าว จากนั้นก็เดินผละตัวออกไป “ไอ้เวรเอ๊ย อย่างมึงจะชนะอะไรกูได้วะ ไม่มีวัน!” ผมล้วงธนบัตรออกมาจากกระเป๋าตามด้วยการวางลงบนโต๊ะอย่างแรง “ไม่ต้องทอน!” ประกายตาของแม่ค้าขายข้าวลุกวาว แน่นอนว่ามันต้องเป็นแบบนั้น แม้ผมจะวางเงินจ่ายทีหลัง แต่แบงก์ของผมใหญ่กว่าของมัน!
"จะให้มินเป็นรองเขาเหรอ จะให้มินเป็นเมียน้อยเหรอ?" จัสมินถามเสียงสั่น ขอบตาแดงก่ำ กระบอกตามันร้อนผ่าว"สถานการณ์และทุกอย่างรอบตัวมันอาจจะเป็นแบบนั้น แต่ผู้หญิงคนเดียวที่ฉันรักคือเธอนะมิน""เหอะ" จัสมินหลุดเสียงหัวเราะอย่างเย้ยหยันพร้อมกับน้ำตาเม็ดโตที่ไหลพรากทั้งที่ร่างกายไม่มีสิ่งหนักอึ้งใดๆ มาทับเอาไว้ ทว่ากลับมีความรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรง คิดจะเดินต่อก็เดินต่อไม่ไหว หัวใจคล้ายกับถูกบีบรัดอย่างแรงทั้งที่ระวังตัวเองมาเป็นอย่างดี ทั้งที่ไม่เคยเปิดหัวใจให้ใครได้เข้ามาเหยียบย่ำได้ง่ายๆ สุดท้ายวันนี้หัวใจแหลกสลายเพราะผู้ชายเฮงซวยที่เห็นแก่ตัว"เลิกกันเถอะ เกิดเป็นผู้ชายอย่ามักง่ายแล้วก็อย่ามักมาก มีปัญญาดูแลผู้หญิงคนเดียวได้ดีพอรึยังถึงคิดจะมีสองมีสาม ถึงฉันจะเป็นแบบนี้ ถึงฉันจะไม่มีอะไรไปเทียบกับคนอย่างคุณได้ แต่เชื่อเถอะในวันที่ฉันรับรู้ว่าคุณไม่จริงใจ...""...อย่าว่าแต่จะให้ฉันเป็นเมียเก็บเลย แม้แต่ปลายเล็บของฉันคุณก็จะไม่มีวันได้แตะมัน!"
Dear Reader, we use the permissions associated with cookies to keep our website running smoothly and to provide you with personalized content that better meets your needs and ensure the best reading experience. At any time, you can change your permissions for the cookie settings below.
If you would like to learn more about our Cookie, you can click on Privacy Policy.